ไตไม่ดีมีอาการอย่างไร

9 การดู

การทำงานของไตที่ผิดปกติ อาจแสดงอาการเช่น อ่อนเพลีย บวมน้ำ ปัสสาวะน้อยลง หรือมีเลือดปน หากมีอาการผิดปกติเหล่านี้ ควรรีบปรึกษาแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยและรักษาอย่างถูกต้อง

ข้อเสนอแนะ 0 การถูกใจ

ไตแอบป่วย…รู้หรือไม่ อาการเหล่านี้บ่งบอก!

ไต เป็นอวัยวะสำคัญที่หลายคนอาจมองข้าม หน้าที่หลักคือกรองของเสียและของเหลวส่วนเกินออกจากร่างกาย แต่เมื่อไตทำงานผิดปกติ อาการอาจไม่ปรากฏให้เห็นอย่างชัดเจนในระยะเริ่มต้น ส่งผลให้ผู้ป่วยหลายรายรู้ตัวเมื่อโรคมีความรุนแรงแล้ว ดังนั้น การรู้จักสังเกตอาการผิดปกติจึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง เพื่อให้ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที

อาการของโรคไตนั้นหลากหลาย ขึ้นอยู่กับสาเหตุและความรุนแรงของโรค บางครั้งอาจไม่มีอาการใดๆ เลยจนกระทั่งโรคเข้าสู่ระยะลุกลาม อย่างไรก็ตาม อาการที่พบได้บ่อยและควรเฝ้าระวัง ได้แก่:

1. ปัสสาวะเปลี่ยนแปลง:

  • ปัสสาวะมีฟองมากผิดปกติ: ฟองปัสสาวะอาจบ่งบอกถึงโปรตีนในปัสสาวะ ซึ่งเป็นสัญญาณของโรคไต
  • ปัสสาวะเปลี่ยนสี: ปัสสาวะสีเข้มหรือสีน้ำชา อาจเกิดจากการทำงานของไตที่ผิดปกติ
  • ปัสสาวะบ่อยขึ้นหรือลดลงอย่างผิดปกติ: การปัสสาวะบ่อยมากขึ้นหรือกลับกัน ปัสสาวะน้อยลงอย่างผิดปกติ ก็เป็นสัญญาณเตือนที่สำคัญ
  • ปัสสาวะมีเลือดปน: นี่คืออาการที่ร้ายแรง ควรไปพบแพทย์ทันที

2. อาการทั่วไป:

  • อ่อนเพลีย เหนื่อยล้า: การทำงานของไตที่บกพร่องจะส่งผลต่อการสร้างฮอร์โมน และการควบคุมสมดุลของสารต่างๆ ในร่างกาย จึงทำให้รู้สึกอ่อนเพลีย เหนื่อยล้าได้ง่าย
  • บวมน้ำ: โดยเฉพาะบริเวณเท้า ข้อเท้า และดวงตา เป็นอาการที่พบได้บ่อยในผู้ป่วยโรคไต เกิดจากการที่ไตไม่สามารถกำจัดของเหลวส่วนเกินออกจากร่างกายได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • คันตามผิวหนัง: การสะสมของสารพิษในร่างกาย จากการทำงานของไตที่บกพร่อง อาจทำให้เกิดอาการคันตามผิวหนัง
  • หายใจลำบาก: ในกรณีที่รุนแรง การสะสมของของเหลวอาจส่งผลต่อการทำงานของปอด ทำให้หายใจลำบาก
  • คลื่นไส้ อาเจียน: อาการเหล่านี้อาจเกิดจากการสะสมของสารพิษในกระแสเลือด
  • ปวดหลังส่วนล่าง: แม้ว่าอาการปวดหลังอาจเกิดจากสาเหตุอื่นๆ แต่ก็อาจเป็นสัญญาณของโรคไตได้เช่นกัน

3. อาการอื่นๆ (ขึ้นอยู่กับสาเหตุของโรคไต):

โรคไตบางชนิดอาจมีอาการเฉพาะเจาะจง เช่น โรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง หรือโรคติดเชื้อในระบบทางเดินปัสสาวะ ซึ่งส่งผลต่อการทำงานของไต

หากคุณพบอาการเหล่านี้ โปรดอย่าละเลย! ควรไปพบแพทย์เพื่อรับการตรวจวินิจฉัยและรับการรักษาที่เหมาะสม การตรวจสุขภาพประจำปี และการควบคุมปัจจัยเสี่ยงต่างๆ เช่น การควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ความดันโลหิต และการรักษาโรคเรื้อรัง จะช่วยลดโอกาสการเกิดโรคไตได้ อย่ารอให้สายเกินไป เพราะการรักษาโรคไตในระยะเริ่มต้นจะช่วยชะลอความรุนแรง และยืดอายุการทำงานของไตได้อย่างมีประสิทธิภาพ