ไมเกรนเวียนศีรษะกินยาอะไร

10 การดู

ไมเกรนทำให้ปวดศีรษะ ยาแก้ปวดทั่วไปอย่างพาราเซตามอล หรือยาแก้ปวดลดการอักเสบ เช่น ไอบูโพรเฟน ช่วยบรรเทาอาการได้ หากปวดศีรษะเป็นไมเกรน ควรพิจารณาใช้ยาแก้ไมเกรนเฉพาะกลุ่ม เช่น ยาในกลุ่มทริปแทน หรือยาที่มีส่วนผสมของเออร์โกทามีน การใช้ยาควรปรึกษาแพทย์ก่อนเสมอ

ข้อเสนอแนะ 0 การถูกใจ

ไมเกรน วนเวียนศีรษะ แก้ไขอย่างไร? ยาอะไรช่วยได้บ้าง?

ไมเกรนเป็นโรคปวดศีรษะชนิดเรื้อรังที่สร้างความทรมานให้ผู้ป่วยเป็นอย่างมาก อาการไม่เพียงแค่ปวดศีรษะอย่างรุนแรงเท่านั้น แต่ยังอาจมาพร้อมกับอาการอื่นๆ เช่น คลื่นไส้ อาเจียน ความไวต่อแสงและเสียง และบางรายอาจมีอาการชาหรือรู้สึกเสียวซ่าที่ใบหน้าและแขนขา การรับมือกับไมเกรนจึงจำเป็นต้องเข้าใจถึงสาเหตุและวิธีการรักษาอย่างถูกต้อง และคำถามที่หลายคนสงสัยคือ “ถ้าเป็นไมเกรนเวียนศีรษะ ควรกินยาอะไร?”

ก่อนอื่นต้องเข้าใจว่า “ยาแก้ปวดทั่วไป” อาจไม่เพียงพอสำหรับการรักษาไมเกรน แม้ว่าพาราเซตามอล (Paracetamol) หรือไอบูโพรเฟน (Ibuprofen) จะช่วยบรรเทาอาการปวดศีรษะทั่วไปได้ แต่กับไมเกรนที่มักมีอาการรุนแรงและซับซ้อนกว่า ยาทั่วไปเหล่านี้อาจไม่สามารถควบคุมอาการได้อย่างมีประสิทธิภาพ ยิ่งไปกว่านั้น การใช้ยาแก้ปวดชนิดเดียวกันซ้ำๆ อาจนำไปสู่การปวดศีรษะเรื้อรังจากการใช้ยา (Medication overuse headache) ได้ ซึ่งจะทำให้ปัญหาแย่ลงไปอีก

ดังนั้น การเลือกยาสำหรับไมเกรนจึงต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ โดยทั่วไป แพทย์จะแนะนำยาที่ออกฤทธิ์เฉพาะเจาะจงสำหรับไมเกรน ซึ่งสามารถแบ่งได้เป็นสองประเภทหลักคือ:

1. ยารักษาแบบบรรเทาอาการเฉียบพลัน (Acute Treatment): ใช้เมื่อมีอาการไมเกรนกำเริบ โดยมุ่งเน้นไปที่การบรรเทาอาการปวดและอาการอื่นๆ ที่มาพร้อมกัน ยารักษาแบบนี้มีหลายชนิด เช่น:

  • ยาในกลุ่มทริปแทน (Triptans): เป็นยาที่ออกฤทธิ์โดยการกระตุ้นตัวรับเซโรโทนินในสมอง ช่วยลดการอักเสบและการขยายตัวของหลอดเลือดในสมอง ซึ่งเป็นกลไกสำคัญที่ทำให้เกิดอาการปวดไมเกรน ตัวอย่างเช่น ซัมทริปแทน (Sumatriptan), ซูมาทริปแทน (Zolmitriptan) เป็นต้น แต่ควรใช้ตามคำแนะนำของแพทย์ เนื่องจากอาจมีผลข้างเคียง เช่น เวียนศีรษะ คลื่นไส้ หรือความดันโลหิตสูงชั่วคราว

  • ยาที่มีส่วนผสมของเออร์โกทามีน (Ergotamine): เป็นยาที่ช่วยลดการขยายตัวของหลอดเลือดในสมอง แต่ควรใช้ด้วยความระมัดระวังและภายใต้การดูแลของแพทย์ เนื่องจากอาจมีผลข้างเคียงที่รุนแรงได้หากใช้ไม่ถูกวิธี

2. ยารักษาแบบป้องกัน (Preventive Treatment): ใช้สำหรับผู้ป่วยที่มีอาการไมเกรนบ่อยครั้งและรุนแรง มุ่งเน้นไปที่การลดความถี่และความรุนแรงของอาการไมเกรน โดยการปรับสมดุลของสารเคมีในสมอง ยารักษาแบบนี้มักเป็นยาในกลุ่มเบตาบล็อคเกอร์ แคลเซียมแชนแนลบล็อคเกอร์ หรือยาต้านอาการชัก การเลือกใช้ยาชนิดใดขึ้นอยู่กับประวัติการแพ้ยา โรคประจำตัว และความรุนแรงของอาการไมเกรน ซึ่งแพทย์จะเป็นผู้พิจารณาอย่างเหมาะสม

สิ่งสำคัญที่สุดคือ การวินิจฉัยโรคและการเลือกใช้ยาที่เหมาะสมควรอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ อย่าซื้อยาเองหรือใช้ยาตามคำแนะนำของผู้อื่น เพราะอาจทำให้เกิดผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์ หรือแม้กระทั่งทำให้โรครุนแรงขึ้น การปรึกษาแพทย์จะช่วยให้คุณได้รับการวินิจฉัยที่ถูกต้อง และแผนการรักษาที่เหมาะสมกับสภาพร่างกายของคุณ รวมถึงการให้คำแนะนำในการปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตเพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดไมเกรนได้อีกด้วย