Osteoporosis มีกี่ประเภท

0 การดู

โรคกระดูกพรุนเกิดจากหลายปัจจัย ทั้งพันธุกรรม ฮอร์โมน ยา และพฤติกรรม การดูแลสุขภาพด้วยการออกกำลังกายสม่ำเสมอ รับประทานอาหารที่มีแคลเซียมและวิตามินดีสูง รวมถึงปรึกษาแพทย์เพื่อตรวจความหนาแน่นของมวลกระดูก จะช่วยป้องกันและชะลอการเกิดโรคได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ข้อเสนอแนะ 0 การถูกใจ

โรคกระดูกพรุน: มากกว่าที่คุณคิด มิติใหม่แห่งการเข้าใจประเภทและปัจจัยเสี่ยง

โรคกระดูกพรุน (Osteoporosis) เป็นโรคที่ส่งผลให้กระดูกมีความหนาแน่นลดลง มีความเปราะบางและเสี่ยงต่อการหักได้ง่าย แม้ว่าจะมักถูกมองว่าเป็นโรคเดียว แต่แท้จริงแล้วการจำแนกประเภทโรคกระดูกพรุนนั้นซับซ้อนกว่าที่คิด ไม่ได้จำกัดอยู่แค่การแบ่งเป็น “มี” หรือ “ไม่มี” เท่านั้น การทำความเข้าใจประเภทต่างๆ จะช่วยให้สามารถวางแผนการรักษาและป้องกันได้อย่างตรงจุดมากขึ้น

แทนที่จะแบ่งเป็นประเภทที่ชัดเจนตายตัว การจำแนกโรคกระดูกพรุนมักพิจารณาจาก ปัจจัยเสี่ยง และ สาเหตุ ที่ก่อให้เกิดโรค ซึ่งสามารถแบ่งออกได้อย่างกว้างๆ ดังนี้:

1. โรคกระดูกพรุนชนิดปฐมภูมิ (Primary Osteoporosis): เป็นชนิดที่พบบ่อยที่สุด เกิดจากการสูญเสียมวลกระดูกอย่างค่อยเป็นค่อยไปตามธรรมชาติ โดยแบ่งย่อยได้อีก 2 ชนิด:

  • โรคกระดูกพรุนชนิดที่เกี่ยวข้องกับวัย (Age-related osteoporosis): เกิดขึ้นตามธรรมชาติเมื่ออายุมากขึ้น โดยเฉพาะในผู้หญิงหลังหมดประจำเดือน เนื่องจากระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนลดลง ทำให้กระบวนการสร้างกระดูกช้าลงกว่าการสลายกระดูก ในผู้ชายก็พบได้เช่นกัน แต่ช้ากว่าและน้อยกว่าในเพศหญิง

  • โรคกระดูกพรุนชนิดที่ไม่เกี่ยวข้องกับวัย (Idiopathic osteoporosis): พบได้ในผู้ที่มีอายุยังน้อย โดยเฉพาะในวัยรุ่นหรือวัยหนุ่มสาว สาเหตุยังไม่ทราบแน่ชัด อาจเกี่ยวข้องกับพันธุกรรมหรือปัจจัยอื่นๆ เช่น การขาดสารอาหาร การดูดซึมแคลเซียมที่ไม่ดี หรือภาวะทางการแพทย์บางอย่าง

2. โรคกระดูกพรุนชนิดทุติยภูมิ (Secondary Osteoporosis): เกิดจากสาเหตุอื่นๆ ที่เป็นโรคหรือภาวะแทรกซ้อน ซึ่งทำให้เกิดการสูญเสียมวลกระดูก เช่น:

  • โรคต่อมไทรอยด์ทำงานมากเกินไป (Hyperthyroidism): ฮอร์โมนไทรอยด์ที่มากเกินไปเร่งการสลายกระดูก
  • โรคคอร์ติโคสเตียรอยด์ (Cushing’s syndrome): ระดับคอร์ติโซลในร่างกายสูงเกินไป ทำให้กระดูกเปราะบาง
  • โรคไตเรื้อรัง: การทำงานของไตบกพร่องอาจส่งผลต่อการดูดซึมแคลเซียม
  • การใช้ยาบางชนิด: เช่น ยาสเตียรอยด์ ยาต้านการแข็งตัวของเลือดบางชนิด

การป้องกันและการดูแลรักษา:

การดูแลสุขภาพอย่างถูกต้องเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งในการป้องกันและชะลอการเกิดโรคกระดูกพรุน ซึ่งประกอบด้วย:

  • การรับประทานอาหารที่มีแคลเซียมและวิตามินดีสูง: ควรได้รับแคลเซียมจากอาหาร เช่น นม โยเกิร์ต ปลาเล็กปลาน้อย และผักใบเขียว และวิตามินดีจากแสงแดด หรืออาหารเสริมตามคำแนะนำแพทย์
  • การออกกำลังกายสม่ำเสมอ: การออกกำลังกายแบบแบกน้ำหนัก เช่น เดิน วิ่ง ยกน้ำหนัก ช่วยเสริมสร้างมวลกระดูก
  • การเลิกสูบบุหรี่: บุหรี่เป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญต่อการเกิดโรคกระดูกพรุน
  • การควบคุมน้ำหนัก: น้ำหนักตัวที่มากเกินไปอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการหักกระดูก
  • การตรวจสุขภาพประจำปีและปรึกษาแพทย์: เพื่อตรวจวัดความหนาแน่นของมวลกระดูก และรับคำแนะนำในการดูแลสุขภาพอย่างเหมาะสม

การทำความเข้าใจเกี่ยวกับประเภทและปัจจัยเสี่ยงของโรคกระดูกพรุนอย่างถ่องแท้ จะช่วยให้เราสามารถดูแลสุขภาพกระดูกได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรค และมีคุณภาพชีวิตที่ดีในวัยสูงอายุต่อไป

หมายเหตุ: บทความนี้มีจุดประสงค์เพื่อให้ความรู้เบื้องต้นเท่านั้น ไม่สามารถใช้เป็นคำแนะนำทางการแพทย์ ควรปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญด้านกระดูกและข้อเพื่อรับคำแนะนำที่ถูกต้องและเหมาะสมกับสภาพร่างกายของแต่ละบุคคล