กะเพรา1จานกี่แคล

2 การดู

กะเพราหมูสับจานโปรด ให้พลังงานราว 610 แคลอรี่! เพิ่มไข่ดาวอีกฟอง ก็บวกเพิ่มไปอีก 200 แคลอรี่โดยประมาณ กว่าจะเบิร์นออกหมด ต้องออกกำลังกายอย่างหนักหน่วงเกือบชั่วโมงครึ่งเลยทีเดียว รู้แบบนี้แล้ว ทานแต่พอดี ควบคู่กับการออกกำลังกายด้วยนะ!

ข้อเสนอแนะ 0 การถูกใจ

กะเพราจานเดียว: พลังงานที่ซ่อนอยู่ และเคล็ดลับการทานให้อร่อยแบบไม่รู้สึกผิด

กะเพราหมูสับ ราชาอาหารสิ้นคิดที่ครองใจคนไทยทุกยุคทุกสมัย ด้วยรสชาติจัดจ้านถึงใจ หอมกลิ่นกะเพราเย้ายวน ชวนให้สั่งซ้ำได้เสมอ แต่เคยสงสัยกันไหมว่ากะเพราจานโปรดของเรา ให้พลังงานมากขนาดไหน?

อย่างที่เราทราบกันดีว่ากะเพราหมูสับ 1 จาน ให้พลังงานประมาณ 610 แคลอรี่ และถ้าเพิ่มไข่ดาวเข้าไปอีก ก็จะทะลุ 800 แคลอรี่ไปอย่างง่ายดาย ตัวเลขนี้อาจทำให้หลายคนตกใจ เพราะเทียบเท่ากับการวิ่งเหยาะๆ ต่อเนื่องกันเกือบชั่วโมงครึ่งเลยทีเดียว!

แล้วทำไมกะเพราถึงให้พลังงานสูงขนาดนี้?

ปัจจัยหลักมาจากส่วนประกอบต่างๆ ในกะเพรา ไม่ว่าจะเป็น:

  • หมูสับ: ถึงแม้จะเป็นโปรตีน แต่ก็มีไขมันแทรกอยู่พอสมควร
  • น้ำมัน: ในการผัดกะเพรา มักใช้น้ำมันในปริมาณมาก เพื่อให้ได้รสชาติที่เข้มข้น
  • น้ำตาล: เพื่อให้รสชาติกลมกล่อม ร้านส่วนใหญ่มักเติมน้ำตาลลงไปในปริมาณที่มากพอสมควร
  • ข้าวสวย: ข้าวสวยเองก็ให้พลังงานไม่น้อย ยิ่งทานเยอะก็ยิ่งได้รับแคลอรี่มากขึ้น

ทานกะเพราอย่างไรให้ไม่รู้สึกผิด?

ถึงแม้กะเพราจะมีแคลอรี่สูง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเราต้องตัดขาดจากเมนูโปรดนี้ไปเลย เราสามารถปรับเปลี่ยนวิธีการทาน เพื่อให้เพลิดเพลินกับรสชาติอร่อยๆ ได้โดยไม่ต้องกังวลเรื่องน้ำหนักมากจนเกินไป

  • ลดปริมาณข้าว: ลองสั่งข้าวในปริมาณที่น้อยลง หรือเลือกเป็นข้าวกล้องแทนข้าวขาว ซึ่งมีใยอาหารมากกว่า ช่วยให้อิ่มท้องนานขึ้น
  • สั่งพิเศษเนื้อ: เพิ่มปริมาณเนื้อหมู (หรือเนื้อไก่/เต้าหู้) เพื่อให้ได้รับโปรตีนมากขึ้น และลดปริมาณข้าวลง
  • บอกว่าไม่เอาน้ำมันเยอะ: แจ้งทางร้านว่าขอผัดแบบใช้น้ำมันน้อยๆ หรือเลือกทานร้านที่เน้นผัดแห้งๆ
  • เพิ่มผัก: สั่งกะเพราผักรวมมิตร หรือทานคู่กับผักสด เพื่อเพิ่มใยอาหารและวิตามิน
  • เลี่ยงไข่ดาว: ถ้าอยากลดแคลอรี่ ลองงดไข่ดาว หรือเลือกเป็นไข่ต้มแทน
  • ทำเอง: การทำกะเพราทานเองที่บ้าน ช่วยให้เราควบคุมปริมาณน้ำมัน น้ำตาล และส่วนผสมอื่นๆ ได้อย่างเต็มที่

สรุป:

กะเพราเป็นอาหารที่อร่อยและหาทานง่าย แต่ก็ควรทานในปริมาณที่พอเหมาะและรู้จักปรับเปลี่ยนวิธีการทาน เพื่อให้เราสามารถเพลิดเพลินกับเมนูโปรดนี้ได้อย่างมีความสุข โดยไม่ต้องกังวลเรื่องแคลอรี่มากจนเกินไป ควบคู่ไปกับการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เพียงเท่านี้เราก็สามารถรักษาสุขภาพที่ดีไปพร้อมกับการทานอาหารอร่อยๆ ได้แล้ว