กินปลาร้าทุกวันเป็นอะไรมั้ย

0 การดู

ปลาร้าแม้มีประโยชน์ แต่โซเดียมสูง กินมากเสี่ยงความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ และโรคไต เลือกปลาร้าที่ผ่านการฆ่าเชื้อและปรุงสุกทุกครั้ง กินแต่พอดี ผักสดช่วยลดความเสี่ยงได้

ข้อเสนอแนะ 0 การถูกใจ

ปลาร้า…แซ่บนัวทุกวัน เป็นภัยเงียบที่เราต้องระวัง?

ปลาร้า…อาหารหมักรสเลิศคู่ครัวไทย ที่ไม่ว่าใครได้ลิ้มลองเป็นต้องติดใจ ด้วยรสชาติที่เค็ม นัว กลมกล่อม ทำให้เมนูอาหารอีสานหลายจานขาดรสปลาร้าไปไม่ได้เลย แต่คำถามที่หลายคนสงสัยก็คือ กินปลาร้าทุกวันจะเป็นอะไรไหม? คำตอบนั้นไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด เพราะถึงแม้ปลาร้าจะมีประโยชน์แฝงอยู่บ้าง แต่การบริโภคมากเกินไปก็อาจนำมาซึ่งภัยเงียบที่เราคาดไม่ถึง

ปลาร้า…ประโยชน์ที่ซ่อนอยู่

ก่อนจะกล่าวถึงโทษ เรามาดูประโยชน์ที่ซ่อนอยู่ในปลาร้ากันก่อน ปลาร้าเป็นแหล่งโปรตีนที่สำคัญ ช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อและซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอของร่างกาย นอกจากนี้ ในกระบวนการหมักปลาร้า ยังก่อให้เกิดจุลินทรีย์ชนิดดีที่ช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันในลำไส้ และอาจมีวิตามินบี 12 ที่จำเป็นต่อระบบประสาทและเม็ดเลือดแดง

ภัยร้ายที่มาพร้อมความแซ่บ: โซเดียมตัวร้าย

อย่างไรก็ตาม ปัญหาหลักของปลาร้าคือปริมาณโซเดียมที่สูงมาก โซเดียมเป็นแร่ธาตุที่ร่างกายต้องการในปริมาณที่เหมาะสม แต่การได้รับโซเดียมมากเกินไป จะส่งผลเสียต่อสุขภาพอย่างร้ายแรง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง

  • ความดันโลหิตสูง: โซเดียมจะดึงน้ำเข้าสู่กระแสเลือด ทำให้ปริมาตรเลือดเพิ่มขึ้น ส่งผลให้หัวใจต้องทำงานหนักขึ้นเพื่อสูบฉีดเลือด และนำไปสู่ภาวะความดันโลหิตสูงในที่สุด
  • โรคหัวใจและหลอดเลือด: ความดันโลหิตสูงเป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่นำไปสู่โรคหัวใจและหลอดเลือด เช่น โรคหัวใจขาดเลือด โรคหลอดเลือดสมองตีบ หรือแตก
  • โรคไต: ไตมีหน้าที่กรองของเสียและควบคุมปริมาณน้ำและเกลือแร่ในร่างกาย การได้รับโซเดียมมากเกินไป ทำให้ไตต้องทำงานหนักขึ้น และในระยะยาวอาจนำไปสู่ภาวะไตเสื่อม หรือโรคไตเรื้อรัง

กินปลาร้าอย่างไรให้ปลอดภัย?

ถึงแม้จะมีความเสี่ยง แต่เราก็ไม่ได้หมายความว่าคุณต้องตัดขาดจากปลาร้าไปโดยสิ้นเชิง เพียงแค่ต้องรู้จักกินอย่างระมัดระวังและใส่ใจในรายละเอียด ดังนี้

  • เลือกปลาร้าที่สะอาดและผ่านกระบวนการที่ถูกสุขลักษณะ: เลือกซื้อปลาร้าจากแหล่งที่น่าเชื่อถือ มีมาตรฐานการผลิตที่สะอาด และผ่านการฆ่าเชื้อที่เหมาะสม เพื่อหลีกเลี่ยงการปนเปื้อนของเชื้อโรคและพยาธิ
  • ปรุงสุกทุกครั้ง: ไม่ว่าจะเป็นปลาร้าดิบ หรือปลาร้าสุก ก็ควรนำมาปรุงสุกด้วยความร้อนก่อนรับประทานทุกครั้ง เพื่อกำจัดเชื้อโรคและพยาธิที่อาจปนเปื้อน
  • กินแต่พอดี: ควบคุมปริมาณการบริโภคปลาร้าให้เหมาะสม ไม่กินมากเกินไปในแต่ละวัน หรือแต่ละสัปดาห์
  • กินคู่กับผักสด: การกินปลาร้าคู่กับผักสด จะช่วยลดปริมาณโซเดียมที่ร่างกายได้รับ และยังได้รับใยอาหารและวิตามินจากผักอีกด้วย
  • ดื่มน้ำให้เพียงพอ: การดื่มน้ำให้เพียงพอ จะช่วยให้ไตทำงานได้ดีขึ้น และช่วยขับโซเดียมส่วนเกินออกจากร่างกาย
  • ปรึกษาแพทย์: หากคุณมีโรคประจำตัว เช่น ความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ โรคไต หรือมีอาการผิดปกติหลังจากรับประทานปลาร้า ควรปรึกษาแพทย์เพื่อขอคำแนะนำ

สรุป

ปลาร้าเป็นอาหารที่มีรสชาติเป็นเอกลักษณ์และมีประโยชน์อยู่บ้าง แต่ก็ต้องระมัดระวังในการบริโภค โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของปริมาณโซเดียมที่สูง เลือกปลาร้าที่สะอาด ปรุงสุก กินแต่พอดี กินคู่กับผักสด และดื่มน้ำให้เพียงพอ เพียงเท่านี้ คุณก็สามารถเพลิดเพลินกับรสชาติความแซ่บนัวของปลาร้าได้อย่างปลอดภัยและมีความสุข