ก๋วยเตี๋ยวหมี่เหลืองต้มยำ กี่แคล

4 การดู

ตัวอย่างข้อมูลแนะนำใหม่ (45 คำ):

ก๋วยเตี๋ยวหมี่เหลืองต้มยำชามโปรด ให้พลังงานโดยประมาณ 513 กิโลแคลอรี่ต่อปริมาณ 550 กรัม! นอกจากพลังงานแล้ว ยังมีโปรตีนถึง 28 กรัม และคาร์โบไฮเดรต 53 กรัม อีกด้วย ใครที่กำลังควบคุมแคลอรี่ อย่าลืมคำนวณปริมาณให้เหมาะสมกับความต้องการของร่างกายนะคะ

ข้อเสนอแนะ 0 การถูกใจ

ก๋วยเตี๋ยวหมี่เหลืองต้มยำ: อร่อยแซ่บซี้ด รู้จักแคลอรี่ดีต่อใจ!

ก๋วยเตี๋ยวหมี่เหลืองต้มยำ เมนูยอดฮิตที่ครองใจใครหลายคน ด้วยรสชาติเปรี้ยว เผ็ด จัดจ้านถึงใจ แถมเส้นหมี่เหลืองเหนียวนุ่มที่เข้ากันได้ดีกับน้ำซุปต้มยำเข้มข้น แต่ก่อนจะซู้ดเส้นเพลินๆ รู้หรือไม่ว่าก๋วยเตี๋ยวชามโปรดของคุณให้พลังงานเท่าไหร่กัน?

โดยทั่วไปแล้ว ก๋วยเตี๋ยวหมี่เหลืองต้มยำ 1 ชาม (ประมาณ 550 กรัม) ให้พลังงานโดยประมาณ 513 กิโลแคลอรี่ ซึ่งถือว่าเป็นปริมาณที่ค่อนข้างสูงเลยทีเดียว แต่สิ่งที่น่าสนใจกว่านั้นคือ สารอาหารอื่นๆ ที่เราได้รับจากก๋วยเตี๋ยวชามนี้

สิ่งที่ควรรู้เกี่ยวกับสารอาหารในก๋วยเตี๋ยวหมี่เหลืองต้มยำ (ต่อ 550 กรัมโดยประมาณ):

  • โปรตีน: ประมาณ 28 กรัม ซึ่งถือว่าเป็นแหล่งโปรตีนที่ดี ช่วยเสริมสร้างและซ่อมแซมกล้ามเนื้อ
  • คาร์โบไฮเดรต: ประมาณ 53 กรัม เป็นแหล่งพลังงานหลักของร่างกาย แต่ควรทานในปริมาณที่เหมาะสม
  • ไขมัน: ปริมาณไขมันจะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับส่วนประกอบและวิธีการปรุง หากใส่หมูสามชั้น หรือน้ำมันเจียวมาก ปริมาณไขมันก็จะสูงขึ้น
  • โซเดียม: น้ำซุปต้มยำมักมีรสชาติเค็ม ซึ่งมาจากเครื่องปรุงต่างๆ ทำให้ก๋วยเตี๋ยวต้มยำมีปริมาณโซเดียมค่อนข้างสูง ผู้ที่ต้องควบคุมปริมาณโซเดียมควรระมัดระวัง

เคล็ดลับการทานก๋วยเตี๋ยวหมี่เหลืองต้มยำให้อร่อยและดีต่อสุขภาพ:

  • ลดปริมาณเส้น: ทานเส้นให้น้อยลง และเน้นทานเครื่องต่างๆ เช่น หมูสับ ลูกชิ้น ผัก
  • เลือกเนื้อสัตว์ไม่ติดมัน: หากใส่หมู เลือกส่วนที่เป็นเนื้อแดง หรือหมูสันนอก
  • สั่งพิเศษผัก: เพิ่มปริมาณผักต่างๆ เช่น ถั่วงอก ผักบุ้ง เพื่อเพิ่มใยอาหารและวิตามิน
  • ลดเครื่องปรุง: ลดปริมาณน้ำปลา น้ำตาล พริกป่น เพื่อควบคุมปริมาณโซเดียมและน้ำตาล
  • ทานในปริมาณที่พอเหมาะ: อย่าทานมากเกินไป เพราะอาจทำให้ได้รับพลังงานมากเกินความจำเป็น

ก๋วยเตี๋ยวหมี่เหลืองต้มยำเป็นอาหารที่อร่อยและให้พลังงาน แต่การรู้จักปริมาณแคลอรี่และสารอาหารต่างๆ จะช่วยให้คุณสามารถเลือกทานได้อย่างชาญฉลาด และยังคงเพลิดเพลินกับรสชาติความอร่อยได้โดยไม่รู้สึกผิด! จำไว้ว่าการทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพ ไม่ได้หมายถึงการอดอาหาร แต่เป็นการเลือกทานอย่างสมดุลและรู้จักประมาณตนเอง