ทำไมกินของหวานแล้วเมาเร็ว

ของหวานกับอาการเมา: ความจริงเบื้องหลังความหวานฉ่ำ

ใครๆ ก็คงเคยรู้สึก “เมา” หลังจากกินของหวานจัดๆ ไม่ใช่เมาเหล้า แต่เป็นอาการมึนงง เวียนหัว คล้ายๆ กับอาการเมาสุราเบาๆ แล้วอะไรคือสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการเช่นนี้? ความจริงแล้วไม่ใช่เพราะน้ำตาลในของหวานจะเปลี่ยนเป็นแอลกอฮอล์ในร่างกาย แต่เป็นเพราะกลไกการทำงานของร่างกายเอง ที่มีปฏิกิริยาตอบสนองต่อปริมาณน้ำตาลและอาหารจำพวกคาร์โบไฮเดรตในปริมาณมาก

เมื่อเรารับประทานของหวานหรืออาหารที่มีน้ำตาลและคาร์โบไฮเดรตสูง ร่างกายจะต้องใช้ทรัพยากรจำนวนมากในการย่อยและดูดซึมสารอาหารเหล่านี้ กระบวนการนี้ต้องการพลังงานและเลือดจำนวนมาก ทำให้ร่างกายดึงเลือดไปช่วยกระเพาะอาหารและลำไส้ในการย่อยอาหารเป็นหลัก

ผลที่ตามมาคือ ปริมาณเลือดที่ไปเลี้ยงสมองลดลงชั่วคราว นี่เองคือสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดอาการมึนงง เวียนหัว หรือรู้สึกคล้ายเมา อาการเหล่านี้เปรียบเสมือนสัญญาณเตือนว่าร่างกายกำลังทำงานหนักในการย่อยอาหารอยู่ เป็นการปรับสมดุลของระบบหมุนเวียนโลหิตชั่วคราว ซึ่งโดยปกติแล้วจะหายไปเองเมื่อร่างกายย่อยอาหารเสร็จสิ้น และเลือดกลับไปเลี้ยงสมองตามปกติ

ความแตกต่างจากอาการเมาสุรา

สำคัญที่ต้องแยกแยะให้ชัดเจนว่า อาการ “เมา” จากการกินของหวานนั้น แตกต่างจากอาการเมาสุราอย่างสิ้นเชิง ไม่มีการเกิดสารพิษหรือการเสื่อมสภาพของประสาท เพียงแค่เป็นการตอบสนองของร่างกายต่อการทำงานหนักของระบบย่อยอาหารเท่านั้น อาการจึงมักจะไม่รุนแรงและหายไปได้เองภายในเวลาไม่นาน

ควรระมัดระวังอย่างไร?

แม้ว่าอาการ “เมา” จากการกินของหวานมักไม่เป็นอันตราย แต่การรับประทานของหวานในปริมาณมากและบ่อยครั้ง อาจส่งผลเสียต่อสุขภาพในระยะยาวได้ เช่น เสี่ยงต่อการเป็นโรคเบาหวาน โรคอ้วน และโรคอื่นๆ ดังนั้น การรับประทานของหวานควรอยู่ในปริมาณที่พอเหมาะ และควบคู่ไปกับการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ครบถ้วน เพื่อให้ร่างกายได้รับสารอาหารที่เพียงพอและทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

บทความนี้จึงเน้นย้ำให้เห็นว่า ความรู้สึก “เมา” หลังทานของหวานนั้น ไม่ใช่เรื่องน่าตกใจ แต่เป็นสัญญาณเตือนจากร่างกาย เพื่อให้เราระมัดระวังในการรับประทานอาหาร และดูแลสุขภาพให้ดีอยู่เสมอ