ทำไมกินหวานต้องตัดขา

2 การดู

รักษาสุขภาพเท้าให้แข็งแรงอยู่เสมอ โดยเฉพาะผู้ป่วยเบาหวาน ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดอย่างเคร่งครัด ตรวจเท้าสม่ำเสมอ ดูแลความสะอาด สวมใส่รองเท้าที่เหมาะสม เพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อนที่เท้าและลดความเสี่ยงต่อการตัดขา

ข้อเสนอแนะ 0 การถูกใจ

หวานเกินไป ทำไมต้อง “ตัดขา”? ไขความลับเบื้องหลังเบาหวานกับการสูญเสียอวัยวะ

วลีที่ว่า “กินหวานต้องตัดขา” อาจฟังดูน่ากลัวและเกินจริง แต่ความจริงแล้วมันเป็นคำเตือนที่แฝงไปด้วยความจริงอันโหดร้ายเกี่ยวกับภาวะแทรกซ้อนจากโรคเบาหวาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งผลกระทบต่อเท้า

ทำไมโรคเบาหวานถึงนำไปสู่การตัดขาได้? คำตอบอยู่ที่ผลกระทบที่ซับซ้อนของระดับน้ำตาลในเลือดที่สูงต่อระบบต่างๆ ในร่างกาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลอดเลือดและเส้นประสาท

เบาหวาน…ภัยร้ายทำลายหลอดเลือดและเส้นประสาท:

  • หลอดเลือดตีบตัน: น้ำตาลในเลือดที่สูงเกินไปเป็นเวลานานจะทำลายผนังหลอดเลือด ทำให้หลอดเลือดแข็งตัวและตีบแคบลง (ภาวะหลอดเลือดแข็งตัว) สิ่งนี้ขัดขวางการไหลเวียนโลหิตไปยังเท้า ซึ่งเป็นอวัยวะที่อยู่ไกลจากหัวใจที่สุด ทำให้เนื้อเยื่อบริเวณนั้นขาดออกซิเจนและสารอาหาร
  • ปลายประสาทเสื่อม: เบาหวานยังส่งผลเสียต่อเส้นประสาท (ภาวะปลายประสาทอักเสบจากเบาหวาน) ทำให้ความรู้สึกที่เท้าลดลงหรือไม่รู้สึกเลย เมื่อเท้าได้รับบาดเจ็บ เช่น ถูกของมีคมบาด หรือเกิดแผลกดทับ ผู้ป่วยอาจไม่รู้สึกตัว ทำให้แผลเล็กๆ กลายเป็นปัญหาใหญ่โดยไม่รู้ตัว

เมื่อเลือดไม่ไปเลี้ยง ประสาทไม่รับรู้…แผลเรื้อรังจึงเกิด:

เมื่อหลอดเลือดตีบตันและประสาทรับความรู้สึกเสื่อมลง แผลที่เท้าของผู้ป่วยเบาหวานจึงมักหายยากกว่าปกติ เนื่องจากเลือดไม่สามารถนำสารอาหารและเซลล์เม็ดเลือดขาวไปซ่อมแซมเนื้อเยื่อได้อย่างเต็มที่ นอกจากนี้ การที่ผู้ป่วยไม่รู้สึกเจ็บปวด ทำให้พวกเขาละเลยการดูแลแผล จนกระทั่งแผลลุกลามและติดเชื้อในที่สุด

การติดเชื้อ…ปัจจัยเร่งการตัดขา:

แผลเรื้อรังที่เท้าของผู้ป่วยเบาหวานเป็นแหล่งเพาะพันธุ์เชื้อโรคอย่างดีเยี่ยม เนื่องจากเลือดที่ไปเลี้ยงน้อย ทำให้ระบบภูมิคุ้มกันทำงานได้ไม่เต็มที่ เชื้อโรคจึงแพร่กระจายอย่างรวดเร็ว หากการติดเชื้อรุนแรงและลุกลามเข้ากระดูก การตัดขาจึงอาจเป็นทางเลือกสุดท้ายเพื่อป้องกันการติดเชื้อแพร่กระจายไปทั่วร่างกายและเป็นอันตรายถึงชีวิต

ป้องกันก่อนสาย…รักษาสุขภาพเท้า ลดความเสี่ยงตัดขา:

ข่าวดีคือภาวะแทรกซ้อนที่เท้าจากเบาหวานสามารถป้องกันได้ด้วยการดูแลสุขภาพเท้าอย่างสม่ำเสมอและการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดอย่างเคร่งครัด:

  • ควบคุมระดับน้ำตาล: ปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ในการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดอย่างเคร่งครัด รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ และใช้ยาตามที่แพทย์สั่ง
  • ตรวจเท้าเป็นประจำ: ตรวจเท้าด้วยตนเองทุกวันเพื่อหาร่องรอยของบาดแผล ผิวหนังแตกแห้ง หรือความผิดปกติอื่นๆ หากมีอาการผิดปกติ ควรรีบปรึกษาแพทย์ทันที
  • ดูแลความสะอาด: ล้างเท้าทุกวันด้วยน้ำอุ่นและสบู่อ่อนๆ เช็ดเท้าให้แห้งสนิท โดยเฉพาะบริเวณซอกนิ้ว
  • สวมรองเท้าที่เหมาะสม: สวมรองเท้าที่พอดี ไม่คับหรือหลวมจนเกินไป ทำจากวัสดุที่ระบายอากาศได้ดี และหลีกเลี่ยงการเดินเท้าเปล่า
  • พบแพทย์เฉพาะทาง: หากมีอาการผิดปกติที่เท้า ควรปรึกษาแพทย์เฉพาะทางด้านเท้า (Podiatrist) เพื่อรับการวินิจฉัยและการรักษาที่เหมาะสม

“กินหวานต้องตัดขา” ไม่ใช่เรื่องเล่าขาน แต่เป็นสัญญาณเตือนที่เน้นย้ำถึงความสำคัญของการควบคุมเบาหวานและการดูแลสุขภาพเท้าอย่างสม่ำเสมอ การดูแลตนเองอย่างถูกต้องจะช่วยลดความเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อนที่เท้า และช่วยให้คุณใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุขและมีคุณภาพชีวิตที่ดีต่อไป