ทำไมหน่อไม้เป็นของแสลง

4 การดู

หน่อไม้มีสารพิวรีนสูง ซึ่งร่างกายจะเปลี่ยนเป็นกรดยูริก หากสะสมมากเกินไปในข้อ อาจกระตุ้นอาการของโรคเกาต์ในผู้ที่มีความเสี่ยงอยู่แล้ว ผู้ป่วยโรคกระดูกและข้อจึงควรหลีกเลี่ยงการรับประทานหน่อไม้เพื่อลดความเสี่ยงต่ออาการกำเริบ

ข้อเสนอแนะ 0 การถูกใจ

หน่อไม้กับบทบาทเงียบๆ ในการกำเริบของโรคเกาต์: ทำไมจึงเป็นของแสลงสำหรับบางคน

หน่อไม้ อาหารป่าที่มีรสชาติและกลิ่นหอมเฉพาะตัว เป็นที่นิยมนำมาปรุงอาหารหลากหลายเมนู ทั้งแกงอ่อม ต้มหวาน หรือยำ แต่ทราบหรือไม่ว่า สำหรับบางกลุ่มคน โดยเฉพาะผู้ที่มีภาวะสุขภาพบางอย่าง หน่อไม้กลับกลายเป็น “ของแสลง” ที่ควรหลีกเลี่ยง เพราะอาจนำไปสู่การกำเริบของโรคได้ และโรคนั้นก็คือ โรคเกาต์

ความลับของความเป็น “ของแสลง” ของหน่อไม้ซ่อนอยู่ที่ปริมาณสารพิวรีน (Purine) ที่สูง สารพิวรีนเป็นสารประกอบทางชีวเคมีที่พบได้ในอาหารหลายชนิด ร่างกายจะย่อยสลายพิวรีนและเปลี่ยนเป็นกรดยูริก (Uric acid) โดยปกติแล้ว ร่างกายจะขับกรดยูริกออกทางไต แต่หากร่างกายได้รับพิวรีนในปริมาณมากเกินไป หรือไตทำงานไม่ดี กรดยูริกจะสะสมในกระแสเลือด และตกผลึกเป็นเกล็ด เกล็ดเหล่านี้จะสะสมอยู่ตามข้อต่างๆ โดยเฉพาะข้อนิ้วหัวแม่เท้า ทำให้เกิดอาการอักเสบ บวม ปวดอย่างรุนแรง ซึ่งก็คืออาการสำคัญของโรคเกาต์นั่นเอง

หน่อไม้ ด้วยปริมาณพิวรีนที่สูงกว่าอาหารทั่วไป จึงเป็นตัวกระตุ้นสำคัญที่อาจทำให้ระดับกรดยูริกในเลือดสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในผู้ป่วยโรคเกาต์ที่มีภาวะกรดยูริกสูงอยู่แล้ว การรับประทานหน่อไม้จึงเสี่ยงต่อการทำให้อาการกำเริบ เกิดอาการปวดข้ออย่างรุนแรง และอาจส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันได้

นอกเหนือจากโรคเกาต์แล้ว ผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับไต หรือผู้ที่เคยมีประวัตินิ่วกรดยูริก ก็ควรระมัดระวังในการรับประทานหน่อไม้เช่นกัน เพราะการสะสมของกรดยูริกอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดนิ่วในไตได้

ดังนั้น แม้หน่อไม้จะเป็นอาหารที่มีรสชาติอร่อย แต่การรับประทานควรคำนึงถึงสุขภาพ และควรหลีกเลี่ยงสำหรับผู้ที่มีความเสี่ยงต่อโรคเกาต์ หรือโรคเกี่ยวกับไต การปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญด้านโภชนาการ เพื่อวางแผนการรับประทานอาหารที่เหมาะสม จะช่วยให้สามารถรับประทานอาหารได้อย่างปลอดภัย และมีสุขภาพที่ดี โดยไม่ต้องกังวลกับการกำเริบของโรคจากอาหารที่ชื่นชอบ เช่น หน่อไม้ นั่นเอง