วอลนัทดิบ ทําอย่างไร

เคล็ดลับลับเฉพาะ: เปลี่ยนวอลนัทดิบขมปี๋ให้หอมกรุ่นน่ากินด้วยวิธีง่ายๆ

วอลนัทดิบ เป็นแหล่งของไขมันดี โปรตีน และสารอาหารมากมาย เหมาะสำหรับนำมาประกอบอาหารทั้งคาวหวาน แต่ปัญหาที่หลายคนเจอคือรสขมที่ติดลิ้น ทำให้วอลนัทอร่อยน้อยลง และอาจทำให้เมนูเสียรสชาติไปเลย

หลายคนอาจเคยได้ยินวิธีแก้ขมแบบทั่วไป เช่น การแช่น้ำเกลือ หรือการอบ แต่เรามีเคล็ดลับที่เหนือกว่านั้น ที่จะช่วยลดความขมได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมทั้งช่วยให้วอลนัทกรอบอร่อยนานขึ้น

เคล็ดลับที่ว่าคือ การผสานระหว่างการต้มและการอบอย่างพิถีพิถัน:

1. ต้มเพื่อลดความขม: นำวอลนัทดิบไปต้มในน้ำเดือดพล่าน เพียงแค่ 1-2 นาทีเท่านั้น สังเกตว่าน้ำจะเริ่มเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลอ่อน นั่นเป็นสัญญาณว่าสารที่ทำให้เกิดรสขมกำลังละลายออกมา อย่าต้มนานเกินไป เพราะจะทำให้เนื้อวอลนัทเละได้
2. สะเด็ดน้ำและพักไว้: หลังจากต้มเสร็จ ให้รีบสะเด็ดน้ำออกทันที เพื่อหยุดกระบวนการความร้อน แล้วพักวอลนัทไว้ให้พอคลายความร้อนเล็กน้อย
3. อบเพื่อเพิ่มความกรอบและเก็บรักษารสชาติ: นำวอลนัทที่ต้มแล้วไปอบในเตาอบที่อุณหภูมิต่ำ ประมาณ 100 องศาเซลเซียส เป็นเวลา 2 ชั่วโมง การอบด้วยไฟต่ำจะช่วยไล่ความชื้นที่ตกค้างอยู่ออกไป ทำให้วอลนัทกรอบอร่อย และยังช่วยยืดอายุการเก็บรักษาได้อีกด้วย

ทำไมวิธีนี้ถึงได้ผล?

• การต้ม: ช่วยลดปริมาณสารแทนนิน (Tannins) ซึ่งเป็นสารที่ทำให้เกิดรสขมในวอลนัทดิบ
• การอบด้วยไฟต่ำ: ช่วยไล่ความชื้นออกไปอย่างช้าๆ ทำให้วอลนัทกรอบอร่อยโดยไม่ไหม้ และยังช่วยป้องกันการเกิดเชื้อรา ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้อาหารเสีย

เคล็ดลับเพิ่มเติมเพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด:

• เลือกวอลนัทที่มีคุณภาพ: วอลนัทที่สดใหม่และมีคุณภาพดี จะมีรสชาติดีกว่าและขมน้อยกว่า
• ทดลองปรับเวลาและอุณหภูมิ: เตาอบแต่ละเครื่องอาจมีความแตกต่างกัน ลองปรับเวลาและอุณหภูมิให้เหมาะสมกับเตาอบของคุณ โดยสังเกตสีและความกรอบของวอลนัทเป็นหลัก
• เก็บรักษาอย่างถูกวิธี: เมื่อวอลนัทเย็นสนิทแล้ว ให้เก็บในภาชนะสุญญากาศ หรือถุงซิปล็อกที่ปิดสนิท เพื่อรักษาความกรอบและป้องกันการเหม็นหืน

ด้วยเคล็ดลับง่ายๆ เหล่านี้ คุณก็สามารถเปลี่ยนวอลนัทดิบที่เคยขมปี๋ ให้กลายเป็นวอลนัทหอมกรุ่น กรอบอร่อย พร้อมนำไปสร้างสรรค์เมนูอาหารที่หลากหลายได้ตามใจชอบ ไม่ว่าจะเป็นสลัด ซุป เค้ก หรือขนมอบต่างๆ รับรองว่ารสชาติจะอร่อยยิ่งขึ้นอย่างแน่นอน!