เยื่อหุ้มเมล็ดมะม่วงหิมพานต์ กินได้ไหม

เยื่อหุ้มเมล็ดมะม่วงหิมพานต์ กินได้หรือไม่? อันตรายแฝงอยู่หรือเปล่า?

มะม่วงหิมพานต์ เป็นผลไม้ที่ให้ทั้งรสชาติอร่อยและประโยชน์ต่อสุขภาพ แต่หลายคนอาจไม่ทราบว่าส่วนประกอบบางส่วนของมันนั้นไม่เหมาะแก่การบริโภค โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เยื่อหุ้มเมล็ดมะม่วงหิมพานต์ ซึ่งมักถูกมองข้ามหรือทิ้งไปหลังจากการเก็บเกี่ยว

คำตอบสั้นๆ คือ ไม่ควรทานเยื่อหุ้มเมล็ดมะม่วงหิมพานต์ดิบๆ เยื่อหุ้มเมล็ดนี้มีสาร urushiol ซึ่งเป็นสารชนิดเดียวกับที่พบในต้นไม้จำพวกไม้เลื้อยพิษ (poison ivy, poison oak) และต้นมะม่วง สารนี้ทำให้เกิดอาการแพ้ได้อย่างรุนแรง อาการแพ้อาจมีตั้งแต่ผื่นคันเล็กน้อยไปจนถึงอาการบวม ปวดแสบปวดร้อนอย่างรุนแรง ในบางรายอาจร้ายแรงถึงขั้นหายใจลำบาก หรือเกิดอาการช็อกได้

แม้ว่าการต้มหรือการผ่านความร้อนจะช่วยลดปริมาณสาร urushiol ลงได้บ้าง แต่ก็ไม่สามารถกำจัดสารนี้ได้ทั้งหมด ดังนั้นจึงไม่แนะนำให้รับประทานเยื่อหุ้มเมล็ดมะม่วงหิมพานต์ ไม่ว่าจะผ่านการปรุงแต่งหรือไม่ก็ตาม

แล้วส่วนที่กินได้ของมะม่วงหิมพานต์คืออะไร?

ส่วนที่เรารับประทานกันคือ เมล็ดมะม่วงหิมพานต์ ที่ผ่านการคั่วหรืออบแห้งแล้ว หลังจากการเก็บเกี่ยว เมล็ดมะม่วงหิมพานต์จะต้องผ่านกระบวนการแยกออกจากเยื่อหุ้มและอบแห้งเพื่อความปลอดภัย การบริโภคเมล็ดมะม่วงหิมพานต์ที่ผ่านการแปรรูปแล้วจึงปลอดภัยและอุดมไปด้วยคุณประโยชน์ต่างๆ เช่น ไขมันที่ดีต่อสุขภาพ โปรตีน และวิตามินต่างๆ

ข้อควรระวัง:

• อย่าสัมผัสเยื่อหุ้มเมล็ดมะม่วงหิมพานต์โดยตรงโดยไม่สวมถุงมือ เพราะสาร urushiol อาจทำให้เกิดอาการแพ้ได้แม้เพียงแค่สัมผัส
• หากเกิดอาการแพ้หลังจากสัมผัสหรือรับประทานเยื่อหุ้มเมล็ดมะม่วงหิมพานต์ ให้รีบไปพบแพทย์ทันที อาการแพ้อาจรุนแรงได้ในบางบุคคล

สุดท้ายนี้ การรับประทานมะม่วงหิมพานต์อย่างปลอดภัยและได้รับประโยชน์สูงสุดนั้น ควรเลือกบริโภคเฉพาะ เมล็ดมะม่วงหิมพานต์ที่ผ่านการแปรรูปแล้ว และหลีกเลี่ยงการสัมผัสหรือรับประทานเยื่อหุ้มเมล็ดโดยเด็ดขาด

(หมายเหตุ: บทความนี้มีจุดประสงค์เพื่อให้ความรู้และไม่ใช่คำแนะนำทางการแพทย์ หากมีข้อสงสัยหรือเกิดอาการแพ้ควรปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพ)