จอโทรศัพท์เสียเป็นยังไง

2 การดู

หน้าจอมีเส้นริ้ว ลาย หรือจุดดำ: เกิดรอยแตกเล็กๆ หรือความเสียหายภายใน สัมผัสไม่ติด/หน่วง: หน้าจอไม่ตอบสนองต่อการสัมผัส หรือตอบสนองช้า หน้าจอร้าว แตก: เห็นรอยร้าวชัดเจนบนกระจกหน้าจอ อาจมีเศษกระจกหลุดออกมา

ข้อเสนอแนะ 0 การถูกใจ

จอโทรศัพท์เสีย: กว่าจะรู้ตัว ก็สายเกินแก้? สัญญาณเตือนและวิธีรับมือ

โทรศัพท์มือถือกลายเป็นอวัยวะที่ 33 ของคนยุคปัจจุบันไปเสียแล้ว ใช้ติดต่อสื่อสาร ทำงาน เล่นเกม ดูหนัง ฟังเพลง สารพัดประโยชน์ แต่เมื่อถึงคราวที่ “อวัยวะ” ชิ้นนี้เกิดอาการ “ป่วย” หรือ “เสีย” ขึ้นมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งอาการที่เกิดกับ “หน้าจอ” ก็อาจทำให้ชีวิตประจำวันของเราปั่นป่วนไปไม่น้อย

หลายคนอาจคิดว่าจอโทรศัพท์เสีย ก็แค่จอแตก แต่จริงๆ แล้วอาการเสียของหน้าจอโทรศัพท์นั้นมีหลากหลายรูปแบบ และแต่ละรูปแบบก็บ่งบอกถึงความเสียหายที่แตกต่างกันไป บางอาการอาจซ่อมแซมได้ง่าย ในขณะที่บางอาการอาจหมายถึงการต้องเปลี่ยนหน้าจอใหม่ยกชุด ซึ่งแน่นอนว่าค่าใช้จ่ายก็จะสูงตามไปด้วย ดังนั้นการสังเกตสัญญาณเตือนตั้งแต่เนิ่นๆ จึงเป็นเรื่องสำคัญ เพื่อที่เราจะได้รีบแก้ไขและป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้น

สัญญาณเตือน: เมื่อจอโทรศัพท์เริ่ม “ส่งเสียง” บอกความผิดปกติ

ก่อนที่หน้าจอโทรศัพท์จะแตกละเอียดจนใช้งานไม่ได้ มันมักจะส่งสัญญาณเตือนให้เราได้สังเกตก่อนเสมอ สัญญาณเหล่านี้อาจดูเหมือนเล็กน้อย แต่หากปล่อยปละละเลยก็อาจนำไปสู่ปัญหาใหญ่ได้ ลองมาดูกันว่าอาการ “ป่วย” ของจอโทรศัพท์ที่ควรระวังมีอะไรบ้าง:

  • หน้าจอมีเส้นริ้ว ลาย หรือจุดดำ: อาการเหล่านี้มักเกิดจากรอยแตกเล็กๆ หรือความเสียหายภายในจอ LCD หรือ OLED อาจเริ่มต้นจากเส้นเล็กๆ ที่แทบมองไม่เห็น แต่เมื่อเวลาผ่านไปเส้นเหล่านั้นอาจขยายใหญ่ขึ้น หรือเกิดจุดดำ (Dead Pixel) เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ หากปล่อยไว้จะทำให้การมองเห็นแย่ลง และอาจลุกลามไปยังส่วนอื่นของหน้าจอได้
  • สัมผัสไม่ติด/หน่วง: อาการนี้เป็นสัญญาณว่าระบบสัมผัสของหน้าจอเริ่มมีปัญหา อาจเกิดจากความชื้น สิ่งสกปรก หรือความเสียหายภายใน ทำให้หน้าจอไม่ตอบสนองต่อการสัมผัส หรือตอบสนองช้ากว่าปกติ บางครั้งอาจเกิดอาการ “ผีสัมผัส” คือหน้าจอกลับทำงานเองโดยที่เราไม่ได้แตะต้องเลย อาการเหล่านี้สร้างความรำคาญในการใช้งานอย่างมาก และอาจทำให้พลาดโอกาสสำคัญได้
  • หน้าจอร้าว แตก: อาการนี้เป็นอาการที่ชัดเจนที่สุดของปัญหาจอโทรศัพท์เสีย ไม่ว่าจะเป็นรอยร้าวเล็กๆ หรือรอยแตกขนาดใหญ่ สิ่งเหล่านี้ล้วนส่งผลต่อการใช้งานและความปลอดภัย หากมีเศษกระจกหลุดออกมาก็อาจบาดมือได้ นอกจากนี้รอยร้าวหรือรอยแตกยังเป็นช่องทางให้ฝุ่นละอองและความชื้นเข้าไปทำลายหน้าจอภายในได้อีกด้วย

แล้วจะรับมือกับอาการเหล่านี้อย่างไร?

เมื่อพบสัญญาณเตือนเหล่านี้ สิ่งแรกที่ควรทำคือ สำรองข้อมูลสำคัญ ในโทรศัพท์ เพราะหากหน้าจอเสียหนักจนไม่สามารถใช้งานได้ การกู้ข้อมูลอาจเป็นเรื่องยาก

จากนั้นให้พิจารณาอาการและความรุนแรงของปัญหา:

  • หากเป็นเพียงเส้นริ้วเล็กๆ หรือจุดดำ: อาจยังพอใช้งานได้ แต่ควรระมัดระวังไม่ให้เกิดแรงกระแทกเพิ่มเติม และควรนำไปให้ช่างผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบเพื่อประเมินความเสียหาย
  • หากสัมผัสไม่ติด/หน่วง: ลองทำความสะอาดหน้าจอด้วยผ้าไมโครไฟเบอร์ ตรวจสอบว่ามีฟิล์มกันรอยที่บดบังการสัมผัสหรือไม่ หากยังไม่หาย อาจต้องรีสตาร์ทเครื่อง หรือทำการ Factory Reset เพื่อแก้ไขปัญหาซอฟต์แวร์ หากอาการยังไม่ดีขึ้น ควรนำไปให้ช่างตรวจสอบ
  • หากหน้าจอร้าว แตก: ควรปิดเครื่องทันที เพื่อป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นเพิ่มเติม ควรนำไปให้ช่างผู้เชี่ยวชาญเปลี่ยนหน้าจอโดยเร็ว

ป้องกัน ดีกว่าแก้: เคล็ดลับดูแลหน้าจอโทรศัพท์ให้ใช้งานได้นานๆ

  • ติดฟิล์มกันรอย: ฟิล์มกันรอยช่วยป้องกันรอยขีดข่วนและรอยร้าวจากการกระแทกได้ดี ควรเลือกฟิล์มที่มีคุณภาพดีและเหมาะสมกับการใช้งาน
  • ใช้เคสโทรศัพท์ที่แข็งแรง: เคสโทรศัพท์ช่วยลดแรงกระแทกเมื่อโทรศัพท์ตกพื้น ควรเลือกเคสที่หุ้มขอบโทรศัพท์ทั้งหมด
  • หลีกเลี่ยงการวางโทรศัพท์ในที่เสี่ยงต่อการตก: เช่น ขอบโต๊ะ ขอบเตียง หรือกระเป๋าเสื้อ
  • ระมัดระวังการใช้งานโทรศัพท์ในที่ที่มีความชื้นสูง: ความชื้นอาจทำให้ระบบสัมผัสของหน้าจอเสียหายได้
  • ทำความสะอาดหน้าจอเป็นประจำ: ใช้ผ้าไมโครไฟเบอร์เช็ดหน้าจอเบาๆ เพื่อขจัดคราบสกปรกและรอยนิ้วมือ

การใส่ใจและดูแลหน้าจอโทรศัพท์อย่างสม่ำเสมอ จะช่วยยืดอายุการใช้งานของโทรศัพท์มือถือของคุณได้ และช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมหรือเปลี่ยนหน้าจอใหม่ได้อีกด้วย อย่ารอให้จอโทรศัพท์ “ป่วยหนัก” จนเกินเยียวยา เริ่มสังเกตอาการผิดปกติและดูแลรักษาตั้งแต่เนิ่นๆ จะดีที่สุด