ราคาไอโฟน7พลัสมือ2กี่บาท

ราคา iPhone 7 Plus มือสอง: เจาะลึกปัจจัยและแนวทางการประเมินที่แม่นยำ (ปี 2567)

แม้ iPhone 7 Plus จะเปิดตัวมาหลายปีแล้ว แต่ยังคงเป็นสมาร์ทโฟนที่ได้รับความนิยมในตลาดมือสอง ด้วยประสิทธิภาพที่ยังใช้งานได้ดี ฟีเจอร์ที่ครบครัน และราคาที่จับต้องได้ ทำให้หลายคนมองหา iPhone 7 Plus มือสองเป็นทางเลือกที่คุ้มค่า

อย่างไรก็ตาม การกำหนดราคา iPhone 7 Plus มือสองให้เหมาะสมไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะมีปัจจัยหลายอย่างที่ส่งผลต่อราคา ไม่ว่าจะเป็นสภาพตัวเครื่อง ความจุ แบตเตอรี่ อุปกรณ์เสริม และแม้แต่สีสัน บทความนี้จะเจาะลึกถึงปัจจัยเหล่านั้น พร้อมนำเสนอแนวทางการประเมินราคาที่แม่นยำ เพื่อให้คุณได้ซื้อหรือขาย iPhone 7 Plus มือสองในราคาที่ยุติธรรม

ปัจจัยหลักที่มีผลต่อราคา iPhone 7 Plus มือสอง:

1. สภาพตัวเครื่อง: สภาพของตัวเครื่องเป็นปัจจัยสำคัญที่สุดในการกำหนดราคา หากตัวเครื่องมีรอยขีดข่วน รอยบุบ หรือรอยแตก จะส่งผลให้ราคาลดลงอย่างมาก โดยทั่วไปแล้ว สภาพเครื่องจะถูกแบ่งเป็น:

   • สภาพดีเยี่ยม: แทบไม่มีร่องรอยการใช้งาน หรือมีน้อยมาก
   • สภาพดี: มีร่องรอยการใช้งานเล็กน้อย เช่น รอยขนแมวบางๆ
   • สภาพปานกลาง: มีรอยขีดข่วน หรือรอยบุบเล็กน้อย
   • สภาพแย่: มีรอยแตก รอยร้าว หรือความเสียหายที่เห็นได้ชัด

2. ความจุ: iPhone 7 Plus มีความจุให้เลือกหลายขนาด ได้แก่ 32GB, 128GB และ 256GB รุ่นที่มีความจุสูงกว่าจะมีราคาสูงกว่าอย่างแน่นอน

3. แบตเตอรี่: ความจุแบตเตอรี่เป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ต้องพิจารณา โดยทั่วไปแล้ว แบตเตอรี่ของ iPhone จะเสื่อมสภาพไปตามการใช้งาน หากแบตเตอรี่มีความจุเหลือต่ำ จะส่งผลให้ราคาลดลง โดยคุณสามารถตรวจสอบสุขภาพแบตเตอรี่ได้ใน Settings > Battery > Battery Health

4. อุปกรณ์เสริม: การมีอุปกรณ์เสริมครบกล่อง เช่น กล่อง, สายชาร์จ, หัวชาร์จ, และคู่มือ จะช่วยเพิ่มมูลค่าให้กับ iPhone 7 Plus มือสองได้

5. สี: แม้ว่าสีสันจะไม่ใช่ปัจจัยหลัก แต่ก็มีผลต่อราคาได้เล็กน้อย โดยสีที่ได้รับความนิยมมากกว่า มักจะมีราคาสูงกว่า

6. การรับประกัน: การมีประกันเหลืออยู่ (หากมี) จะช่วยเพิ่มความน่าสนใจและมูลค่าให้กับ iPhone 7 Plus มือสองได้

แนวทางการประเมินราคา iPhone 7 Plus มือสอง:

1. สำรวจราคาตลาด: ก่อนที่จะตั้งราคาขาย หรือตัดสินใจซื้อ ควรสำรวจราคา iPhone 7 Plus มือสองในตลาดก่อน โดยสามารถตรวจสอบได้จากเว็บไซต์ขายของออนไลน์ต่างๆ เช่น Kaidee, Shopee, Lazada หรือกลุ่มซื้อขาย iPhone ใน Facebook
2. พิจารณาจากสภาพเครื่อง: เปรียบเทียบสภาพของ iPhone 7 Plus ที่คุณต้องการขาย หรือซื้อ กับราคาที่พบในตลาด หากสภาพเครื่องดีกว่า ก็สามารถตั้งราคาให้สูงกว่าได้เล็กน้อย แต่หากสภาพเครื่องไม่ดี ก็ควรลดราคาลงตามความเหมาะสม
3. ตรวจสอบความจุและสุขภาพแบตเตอรี่: พิจารณาความจุของเครื่องและสุขภาพแบตเตอรี่ เพื่อปรับราคาให้สอดคล้องกับสภาพการใช้งานจริง
4. คำนึงถึงอุปกรณ์เสริม: หากมีอุปกรณ์เสริมครบกล่อง ก็สามารถตั้งราคาให้สูงกว่าเครื่องที่ไม่มีอุปกรณ์เสริมได้
5. ต่อรองราคา: อย่ากลัวที่จะต่อรองราคา เพราะเป็นเรื่องปกติในการซื้อขายสินค้ามือสอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากคุณพบข้อบกพร่องเล็กน้อยในตัวเครื่อง

ตัวอย่างการประเมินราคา:

จากข้อมูลที่ให้มา:

• iPhone 7 Plus 128GB สีโรสโกลด์
• สภาพดี มีรอยขนแมวเล็กน้อย
• แบตเตอรี่ 85%
• อุปกรณ์ครบกล่อง (ยกเว้นหูฟัง)
• รับประกัน 3 เดือน

จากปัจจัยเหล่านี้ คุณสามารถเริ่มต้นด้วยการสำรวจราคา iPhone 7 Plus 128GB สภาพดี ในตลาดมือสอง จากนั้นจึงปรับราคาลงเล็กน้อยเนื่องจากมีรอยขนแมว และไม่มีหูฟัง แต่เนื่องจากแบตเตอรี่ยังมีความจุเหลือสูง และมีประกันเหลืออยู่ ก็สามารถตั้งราคาให้สูงกว่าเครื่องที่ไม่มีประกันได้

ข้อควรระวัง:

• ระวังมิจฉาชีพ: ตรวจสอบให้แน่ใจว่าผู้ขายเป็นผู้ที่น่าเชื่อถือ และนัดเจอในสถานที่ที่ปลอดภัย
• ตรวจสอบเครื่องอย่างละเอียด: ก่อนที่จะจ่ายเงิน ควรตรวจสอบเครื่องอย่างละเอียด เพื่อให้แน่ใจว่าเครื่องทำงานได้ปกติ และไม่มีปัญหาซ่อนอยู่
• อย่าหลงเชื่อราคาที่ถูกเกินจริง: หากพบราคาที่ถูกเกินจริง ควรระมัดระวัง เพราะอาจเป็นสินค้าที่ผิดกฎหมาย หรือมีปัญหาซ่อนอยู่

การซื้อขาย iPhone 7 Plus มือสองเป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่ต้องการสมาร์ทโฟนในราคาประหยัด แต่การประเมินราคาที่แม่นยำเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อให้คุณได้ซื้อหรือขายในราคาที่ยุติธรรม หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์ในการตัดสินใจของคุณ!