รีสตาร์ท App Store ยังไง

การรีสตาร์ท App Store บน iOS และ macOS อาจเป็นวิธีแก้ปัญหาบางประเภทที่เกี่ยวข้องกับการทำงานผิดปกติของแอปพลิเคชัน โดยทั่วไปแล้ว การรีสตาร์ท App Store ไม่ใช่กระบวนการที่ซับซ้อน แต่ต้องเข้าใจวิธีการที่ถูกต้อง เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาที่อาจเกิดขึ้น

วิธีรีสตาร์ท App Store บน iOS (iPhone และ iPad):

วิธีที่ง่ายที่สุดและมีประสิทธิภาพในการรีสตาร์ท App Store บน iOS คือการ ปิดและเปิดแอปพลิเคชัน เช่นเดียวกับแอปอื่นๆ คุณไม่จำเป็นต้องรีสตาร์ททั้งระบบ

1. เปิดหน้าจอแอปพลิเคชัน: ค้นหาไอคอน App Store บนหน้าจอหลักของคุณ
2. แตะไอคอน App Store: เพื่อเปิดใช้งานแอป
3. แตะปุ่ม “กลับ” (Back): ที่มุมบนซ้ายของหน้าจอ เพื่อกลับไปหน้าจอแอปพลิเคชัน
4. เปิด App Store อีกครั้ง: โดยการแตะที่ไอคอน App Store อีกครั้งจากหน้าจอแอปพลิเคชัน

หากการรีสตาร์ท App Store แบบธรรมดาไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ คุณสามารถลอง รีสตาร์ท iPhone หรือ iPad โดยการกดปุ่มเปิดปิดและปุ่มปรับระดับเสียง และปฏิบัติตามคำแนะนำบนหน้าจอ

วิธีรีสตาร์ท App Store บน macOS (Mac):

เช่นเดียวกับ iOS การรีสตาร์ท App Store บน macOS ก็ง่ายดายเช่นกัน โดยไม่จำเป็นต้องเข้าไปในเมนูหรือทำตามขั้นตอนที่ซับซ้อน

1. เปิดแอปพลิเคชัน: ค้นหาไอคอน App Store บน Dock หรือหน้าต่าง Finder
2. ปิดแอปพลิเคชัน: โดยคลิกที่ไอคอน App Store แล้วเลือก “ปิด” (หรือใช้ปุ่ม Command + Q) จากเมนู
3. เปิด App Store อีกครั้ง: คลิกที่ไอคอน App Store บน Dock หรือหน้าต่าง Finder

หาก App Store ยังคงมีปัญหา คุณควรพิจารณา รีสตาร์ท Mac ของคุณ โดยการเลือก “รีสตาร์ท” จากเมนูแอปพลิเคชัน หรือกด Command + Ctrl + Power

เมื่อไรควรรีสตาร์ท App Store?

โดยปกติแล้ว การรีสตาร์ท App Store จะมีประโยชน์เมื่อพบปัญหาต่อไปนี้:

• แอปพลิเคชันทำงานช้า: App Store ทำงานติดขัด โหลดข้อมูลช้า หรือมีปัญหาในการแสดงผล
• ไม่สามารถดาวน์โหลดหรืออัพเดตแอป: ปัญหาเกี่ยวกับการเชื่อมต่อหรือการทำงานของ App Store
• แสดงข้อผิดพลาด: พบข้อความแจ้งเตือนหรือข้อผิดพลาด
• แสดงข้อมูลซ้ำซ้อนหรือผิดพลาด: ปัญหาเกี่ยวกับการแสดงข้อมูลแอปหรือรายการใน App Store

คำแนะนำเพิ่มเติม:

ตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณมีการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตที่เสถียร และพยายามหลีกเลี่ยงการใช้งาน App Store ในช่วงเวลาที่มีความแออัดสูง หากปัญหาของคุณยังคงอยู่หลังจากทำตามขั้นตอนเหล่านี้ ควรติดต่อฝ่ายบริการลูกค้าของ Apple สำหรับการสนับสนุนเพิ่มเติม