สายไฟ THW 2.5 ทนกระแสกี่แอมป์ Pantip

0 การดู

สายไฟ THW 2.5 ทนกระแสไฟฟ้าได้สูงสุด 23 แอมแปร์เมื่อเดินลอยในอากาศ

ข้อเสนอแนะ 0 การถูกใจ

สายไฟ THW 2.5 ทนกระแสได้เท่าไหร่? ความเข้าใจที่ถูกต้องและปัจจัยที่ควรรู้

คำถามเกี่ยวกับความสามารถในการรับกระแสไฟฟ้าของสายไฟ THW ขนาด 2.5 ตารางมิลลิเมตร (มม.²) มักเป็นคำถามยอดนิยม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มช่างไฟฟ้าและผู้ที่กำลังวางระบบไฟฟ้าภายในบ้านหรืออาคาร คำตอบที่ว่า “ทนกระแสไฟฟ้าได้สูงสุด 23 แอมแปร์เมื่อเดินลอยในอากาศ” นั้นเป็นเพียงส่วนหนึ่งของภาพใหญ่ เพราะความสามารถในการรับกระแสไฟฟ้าของสายไฟไม่ได้ขึ้นอยู่กับขนาดของเส้นลวดเพียงอย่างเดียว แต่ยังมีปัจจัยอื่นๆ ที่สำคัญอีกหลายอย่างที่เราควรพิจารณา

ความเข้าใจที่ผิดๆ: มักมีการอ้างค่าความสามารถในการรับกระแสไฟฟ้าของสาย THW 2.5 ตารางมิลลิเมตรว่าอยู่ที่ 23 แอมแปร์ ซึ่งเป็นค่าที่ถูกต้อง เฉพาะในสภาวะที่สายไฟเดินลอยตัวในอากาศและมีการระบายความร้อนที่ดีเยี่ยม ในความเป็นจริง ค่า 23 แอมแปร์นี้เป็นเพียงค่าอ้างอิงที่ได้มาจากการทดสอบในห้องปฏิบัติการภายใต้สภาวะควบคุม ซึ่งแตกต่างจากสภาวะใช้งานจริงอย่างมาก

ปัจจัยที่ส่งผลต่อความสามารถในการรับกระแสไฟฟ้า:

  • วิธีการเดินสาย: การเดินสายไฟในท่อร้อยสาย ฝังในผนัง หรือเดินรวมกับสายไฟเส้นอื่นๆ จะทำให้เกิดความร้อนสะสม ส่งผลให้ความสามารถในการรับกระแสไฟฟ้าลดลง การเดินสายในท่อโลหะจะยิ่งทำให้ความร้อนสะสมมากขึ้นกว่าการเดินสายในท่อพีวีซี
  • อุณหภูมิแวดล้อม: อุณหภูมิรอบๆ สายไฟมีผลต่อความสามารถในการรับกระแสไฟฟ้า อุณหภูมิที่สูงขึ้นจะทำให้สายไฟร้อนขึ้นและลดความสามารถในการรับกระแสไฟฟ้าลง
  • จำนวนสายไฟในท่อ: การเดินสายไฟหลายเส้นรวมกันในท่อเดียวจะทำให้ความร้อนสะสม ส่งผลให้ความสามารถในการรับกระแสไฟฟ้าของแต่ละเส้นลดลง
  • ชนิดของฉนวน: ฉนวนของสายไฟมีผลต่อความสามารถในการระบายความร้อน ฉนวนที่มีคุณสมบัติในการระบายความร้อนที่ดีจะช่วยให้สายไฟทนกระแสไฟฟ้าได้มากขึ้น

ดังนั้น การใช้ค่า 23 แอมแปร์เป็นค่าอ้างอิงสำหรับการคำนวณในงานจริงจึงไม่เหมาะสม เพื่อความปลอดภัย ควรศึกษาตารางค่าความสามารถในการรับกระแสไฟฟ้าของสายไฟ THW ที่คำนึงถึงปัจจัยต่างๆ ข้างต้น โดยสามารถหาข้อมูลเพิ่มเติมได้จากคู่มือการติดตั้งของผู้ผลิตสายไฟ หรือสอบถามจากวิศวกรไฟฟ้าผู้เชี่ยวชาญ

สรุป: แม้ว่าสายไฟ THW 2.5 มม.² อาจมีค่าความสามารถในการรับกระแสไฟฟ้าที่ 23 แอมแปร์ภายใต้สภาวะที่เหมาะสม แต่ในทางปฏิบัติ ควรคำนึงถึงปัจจัยต่างๆ ที่กล่าวมาข้างต้นเพื่อความปลอดภัยและประสิทธิภาพของระบบไฟฟ้า การปรึกษาผู้เชี่ยวชาญหรือใช้ตารางค่าที่ผู้ผลิตระบุไว้จึงเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างยิ่ง เพื่อให้การใช้งานระบบไฟฟ้ามีความปลอดภัยและมีประสิทธิภาพสูงสุด ป้องกันอุบัติเหตุจากไฟฟ้าลัดวงจรและไฟไหม้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ