หน้าจอขยายแก้ยังไง

4 การดู

ตัวอย่างข้อมูลแนะนำใหม่:

มีวิธีใช้แป้นพิมพ์เพื่อเปลี่ยนมุมมองของแว่นขยายได้ โดยสามารถเลือกได้ทั้งมุมมองแบบเต็มหน้าจอ มุมมองแบบเทียบชิดขอบ หรือมุมมองแบบเลนส์

ข้อเสนอแนะ 0 การถูกใจ

เมื่อ “หน้าจอขยาย” กลายเป็นปัญหา: วิธีแก้ปัญหาหน้าจอขยายเกินจริง

การใช้งานคอมพิวเตอร์ในชีวิตประจำวันของเรานั้นมีความซับซ้อนมากขึ้นเรื่อยๆ และบางครั้งเราก็ต้องเผชิญกับปัญหาที่ไม่คาดฝัน หนึ่งในนั้นคือปัญหา “หน้าจอขยาย” ที่อาจเกิดขึ้นโดยไม่ตั้งใจและทำให้การใช้งานคอมพิวเตอร์เป็นไปอย่างยากลำบาก ไม่ว่าจะเป็นไอคอนขนาดใหญ่ผิดปกติ ข้อความเบลอ หรือการที่ส่วนต่างๆ ของหน้าจอถูกตัดออกไป ปัญหาเหล่านี้ล้วนส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพการทำงานและความสบายในการใช้งาน

บทความนี้จะนำเสนอแนวทางการแก้ปัญหา “หน้าจอขยาย” ที่แตกต่างจากข้อมูลที่มีอยู่ทั่วไปบนอินเทอร์เน็ต โดยเน้นที่การทำความเข้าใจสาเหตุและการแก้ไขปัญหาอย่างเป็นระบบ เพื่อให้คุณสามารถกลับมาใช้งานคอมพิวเตอร์ได้อย่างราบรื่นอีกครั้ง

ทำความเข้าใจสาเหตุ: ทำไมหน้าจอถึงขยายเอง?

ก่อนที่จะเริ่มแก้ไขปัญหา เราจำเป็นต้องเข้าใจสาเหตุที่ทำให้หน้าจอขยายเสียก่อน สาเหตุหลักๆ ที่พบบ่อยมีดังนี้:

  • การตั้งค่าความละเอียดหน้าจอผิดพลาด: นี่เป็นสาเหตุที่พบบ่อยที่สุด เมื่อความละเอียดหน้าจอที่ตั้งค่าไว้ไม่ตรงกับความละเอียดที่เหมาะสมกับหน้าจอของคุณ ภาพที่แสดงผลจะผิดเพี้ยนไป
  • การเปิดใช้งานคุณสมบัติ “แว่นขยาย” โดยไม่ได้ตั้งใจ: ระบบปฏิบัติการส่วนใหญ่มีคุณสมบัติ “แว่นขยาย” (Magnifier) ที่ช่วยให้ผู้ที่มีปัญหาทางสายตาสามารถมองเห็นรายละเอียดบนหน้าจอได้ชัดเจนขึ้น การเปิดใช้งานคุณสมบัตินี้โดยไม่ได้ตั้งใจจะทำให้หน้าจอขยายใหญ่ขึ้นทันที
  • ปัญหาไดรเวอร์การ์ดจอ: ไดรเวอร์การ์ดจอที่ล้าสมัย เสียหาย หรือไม่เข้ากันกับระบบปฏิบัติการ อาจทำให้เกิดปัญหาในการแสดงผล รวมถึงการที่หน้าจอขยายผิดปกติ
  • การตั้งค่าการซูม (Zoom) ในโปรแกรมต่างๆ: บางโปรแกรม เช่น เว็บเบราว์เซอร์ หรือโปรแกรมแก้ไขภาพ มีฟังก์ชันการซูม (Zoom) ที่สามารถขยายหรือลดขนาดของเนื้อหาที่แสดงได้ หากตั้งค่าการซูมไว้สูงเกินไป อาจทำให้เข้าใจผิดว่าหน้าจอทั้งหมดถูกขยาย
  • ปุ่มลัด (Shortcut) ที่ถูกกดโดยไม่ได้ตั้งใจ: บางครั้งการกดปุ่มลัดบางอย่างโดยไม่ได้ตั้งใจ อาจทำให้เปิดใช้งานคุณสมบัติการขยายหน้าจอได้ ตัวอย่างเช่น การกดปุ่ม Windows Key + เครื่องหมายบวก (+) จะเป็นการเปิดใช้งานแว่นขยาย

วิธีแก้ปัญหา: จากง่ายไปยาก

เมื่อทราบสาเหตุที่เป็นไปได้แล้ว เราจะมาดูวิธีแก้ไขปัญหาหน้าจอขยายอย่างเป็นระบบ โดยจะเริ่มจากวิธีที่ง่ายที่สุดก่อน:

  1. ตรวจสอบการตั้งค่าความละเอียดหน้าจอ:

    • Windows: คลิกขวาบนพื้นที่ว่างบนเดสก์ท็อป เลือก “Display settings” (การตั้งค่าการแสดงผล) จากนั้นตรวจสอบให้แน่ใจว่า “Display resolution” (ความละเอียดในการแสดงผล) ถูกตั้งค่าเป็นค่าที่แนะนำ (Recommended) หากไม่ใช่ ให้เลือกค่าที่แนะนำแล้วคลิก “Keep changes” (เก็บการเปลี่ยนแปลง)
    • macOS: ไปที่ “System Preferences” (การตั้งค่าระบบ) > “Displays” (จอภาพ) และเลือกความละเอียดที่เหมาะสมกับหน้าจอของคุณ
  2. ปิดการใช้งานแว่นขยาย (Magnifier):

    • Windows: กดปุ่ม Windows Key + Esc เพื่อปิดแว่นขยาย หากไม่ได้ผล ให้พิมพ์ “Magnifier” ในช่องค้นหาของ Windows แล้วเลือก “Magnifier” จากนั้นปิดโปรแกรม
    • macOS: ไปที่ “System Preferences” (การตั้งค่าระบบ) > “Accessibility” (การเข้าถึง) > “Zoom” (ซูม) และยกเลิกการเลือกช่อง “Use keyboard shortcuts to zoom” (ใช้แป้นพิมพ์ลัดเพื่อซูม) เพื่อป้องกันการเปิดใช้งานแว่นขยายโดยไม่ได้ตั้งใจ

    เพิ่มเติม: อย่างที่ข้อมูลแนะนำใหม่ได้กล่าวไว้ คุณสามารถใช้แป้นพิมพ์เพื่อเปลี่ยนมุมมองของแว่นขยายได้ หากคุณเปิดแว่นขยายโดยไม่ได้ตั้งใจ ลองกดปุ่ม Ctrl + Alt + M เพื่อสลับระหว่างมุมมองแบบเต็มหน้าจอ, แบบเทียบชิดขอบ และแบบเลนส์ ซึ่งอาจช่วยให้คุณเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นกับหน้าจอของคุณ

  3. ตรวจสอบการตั้งค่าการซูม (Zoom) ในโปรแกรมต่างๆ:

    • ตรวจสอบการตั้งค่าการซูมในเว็บเบราว์เซอร์ (เช่น Chrome, Firefox, Safari) และโปรแกรมอื่นๆ ที่คุณใช้งานอยู่ หากค่าการซูมสูงเกินไป ให้ปรับลดลงมาเป็น 100% หรือค่าที่เหมาะสมกับการใช้งานของคุณ
  4. อัปเดตหรือติดตั้งไดรเวอร์การ์ดจอใหม่:

    • ไดรเวอร์การ์ดจอที่ล้าสมัยอาจเป็นสาเหตุของปัญหา ให้เข้าไปที่เว็บไซต์ของผู้ผลิตการ์ดจอของคุณ (เช่น NVIDIA, AMD, Intel) และดาวน์โหลดไดรเวอร์เวอร์ชันล่าสุด จากนั้นติดตั้งตามคำแนะนำ
  5. ตรวจสอบการตั้งค่า DPI (Dots Per Inch):

    • Windows: คลิกขวาบนพื้นที่ว่างบนเดสก์ท็อป เลือก “Display settings” (การตั้งค่าการแสดงผล) จากนั้นคลิก “Advanced scaling settings” (การตั้งค่าการปรับขนาดขั้นสูง) ตรวจสอบให้แน่ใจว่า “Let Windows try to fix apps so they’re not blurry” (ให้ Windows พยายามแก้ไขแอปเพื่อให้ไม่เบลอ) เปิดใช้งานอยู่ และปรับ “Custom scaling” (การปรับขนาดแบบกำหนดเอง) หากจำเป็น
  6. รีสตาร์ทคอมพิวเตอร์:

    • หลังจากลองแก้ไขด้วยวิธีต่างๆ แล้ว ให้รีสตาร์ทคอมพิวเตอร์เพื่อดูว่าปัญหาได้รับการแก้ไขหรือไม่

หากยังไม่หาย:

หากลองทำตามวิธีที่กล่าวมาทั้งหมดแล้วยังไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ อาจมีสาเหตุที่ซับซ้อนกว่านั้น เช่น ปัญหาฮาร์ดแวร์ หรือปัญหาในระบบปฏิบัติการ ในกรณีนี้ แนะนำให้ปรึกษาช่างผู้เชี่ยวชาญเพื่อตรวจสอบและแก้ไขปัญหาต่อไป

ข้อควรจำ:

  • ก่อนที่จะทำการเปลี่ยนแปลงใดๆ ในการตั้งค่าระบบ ควรถ่ายภาพหน้าจอ (Screenshot) ของการตั้งค่าเดิมไว้ เพื่อให้สามารถย้อนกลับไปเป็นการตั้งค่าเดิมได้หากจำเป็น
  • ในบางกรณี ปัญหาหน้าจอขยายอาจเกิดจากไวรัสหรือมัลแวร์ ดังนั้นควรตรวจสอบคอมพิวเตอร์ของคุณด้วยโปรแกรมป้องกันไวรัสที่เชื่อถือได้

การแก้ไขปัญหาหน้าจอขยายอาจต้องใช้เวลาและความอดทน แต่ด้วยความเข้าใจในสาเหตุและวิธีการแก้ไขที่ถูกต้อง คุณจะสามารถกลับมาใช้งานคอมพิวเตอร์ได้อย่างราบรื่นและมีประสิทธิภาพอีกครั้ง