อินฟาเรด มีกี่ประเภท

รังสีอินฟราเรด: พลังงานที่มองไม่เห็น แต่มีประโยชน์มากมาย

รังสีอินฟราเรด เป็นคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่มีความยาวคลื่นยาวกว่าแสงที่ตามองเห็น และเราสัมผัสได้ในรูปแบบของความร้อน รังสีอินฟราเรดนี้มีประโยชน์มากมายในชีวิตประจำวันและในอุตสาหกรรมต่างๆ แต่รู้หรือไม่ว่า รังสีอินฟราเรดแบ่งออกเป็นหลายประเภท ตามช่วงคลื่น และแต่ละช่วงคลื่นก็มีความสามารถในการใช้งานที่แตกต่างกัน

แบ่งประเภทรังสีอินฟราเรดตามช่วงคลื่น:

• รังสีอินฟราเรดใกล้ (Near-Infrared – NIR): เป็นช่วงคลื่นที่สั้นที่สุดในกลุ่มอินฟราเรด มักอยู่ในช่วง 0.75 – 2.5 ไมโครเมตร NIR นี้มีประโยชน์ในการสื่อสาร ถ่ายภาพ และการตรวจสอบวัตถุ เช่น ใช้ในการควบคุมรีโมต การสื่อสารแบบไร้สาย การถ่ายภาพแบบอินฟราเรด และการตรวจสอบคุณภาพของผลผลิตทางการเกษตร

• รังสีอินฟราเรดกลาง (Mid-Infrared – MIR): ช่วงคลื่นของ MIR อยู่ในช่วง 2.5 – 50 ไมโครเมตร MIR เป็นช่วงคลื่นที่พบในรังสีดวงอาทิตย์ และมีความสำคัญในการให้ความร้อนแก่โลก นอกจากนี้ MIR ยังใช้ในการวิเคราะห์ ตรวจสอบสสาร และตรวจสอบสิ่งแวดล้อม เช่น การวิเคราะห์องค์ประกอบทางเคมีของสาร การตรวจสอบคุณภาพของผลิตภัณฑ์ และการตรวจสอบมลภาวะทางอากาศ

• รังสีอินฟราเรดไกล (Far-Infrared – FIR): ช่วงคลื่นของ FIR อยู่ในช่วง 50 – 1000 ไมโครเมตร FIR มีคุณสมบัติพิเศษในการสร้างความร้อนและกระตุ้นการไหลเวียนเลือด จึงมีการใช้ในด้านการแพทย์ เช่น การรักษาอาการปวด การลดการอักเสบ และการส่งเสริมการไหลเวียนโลหิต นอกจากนี้ FIR ยังถูกนำมาใช้ในงานอุตสาหกรรม เช่น การอบแห้ง การพิมพ์ และการผลิตเซรามิก

การจำแนกประเภทรังสีอินฟราเรดนี้ เป็นเรื่องที่สำคัญ เพราะช่วยให้เราเข้าใจ และเลือกใช้รังสีอินฟราเรดได้อย่างเหมาะสมกับความต้องการของเรา เช่น ถ้าเราต้องการถ่ายภาพแบบอินฟราเรด เราควรเลือกรังสีอินฟราเรดใกล้ (NIR) แต่ถ้าเราต้องการใช้รังสีอินฟราเรดในการรักษาอาการปวด เราควรเลือกรังสีอินฟราเรดไกล (FIR)

รังสีอินฟราเรด เป็นเทคโนโลยีที่สำคัญ และมีบทบาทสำคัญในการพัฒนา และสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ ในอนาคต การศึกษาและพัฒนารังสีอินฟราเรด จึงเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อนำไปสู่ประโยชน์ และความก้าวหน้าในหลากหลายสาขา