Google Sheet Vlookup ใช้ยังไง

0 การดู

VLOOKUP ใน Google Sheets ช่วยให้คุณดึงข้อมูลที่สัมพันธ์กันจากตารางอื่นได้อย่างง่ายดาย เพียงระบุค่าที่ต้องการค้นหา ช่วงข้อมูลที่ต้องการค้นหา หมายเลขคอลัมน์ที่ต้องการดึงข้อมูล และเลือกว่าจะให้หาค่าที่ตรงกันแบบเป๊ะๆ หรือแบบใกล้เคียง เท่านี้คุณก็จะได้ข้อมูลที่ต้องการอย่างรวดเร็วและแม่นยำ

ข้อเสนอแนะ 0 การถูกใจ

ไขความลับ VLOOKUP ใน Google Sheets: ค้นหา ดึงข้อมูล อย่างมืออาชีพ

VLOOKUP คือหนึ่งในฟังก์ชันที่ทรงพลังที่สุดใน Google Sheets ที่ช่วยให้คุณสามารถเชื่อมโยงข้อมูลจากตารางต่างๆ ได้อย่างง่ายดาย ไม่ว่าจะเป็นการดึงชื่อลูกค้าจากรหัสลูกค้า, การค้นหาราคาจากชื่อสินค้า, หรือการหาข้อมูลอื่นๆ ที่มีความสัมพันธ์กัน VLOOKUP ช่วยให้การจัดการข้อมูลของคุณเป็นระบบ ระเบียบ และประหยัดเวลาอย่างมาก

บทความนี้จะพาคุณไปทำความเข้าใจ VLOOKUP ใน Google Sheets อย่างละเอียด โดยเน้นการใช้งานจริง และเทคนิคที่ช่วยให้คุณใช้ฟังก์ชันนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด

VLOOKUP คืออะไร?

VLOOKUP ย่อมาจาก Vertical Lookup ซึ่งหมายถึง การค้นหาข้อมูลในแนวตั้ง ฟังก์ชันนี้จะค้นหาค่าที่ระบุในคอลัมน์แรกของช่วงข้อมูล (Range) ที่กำหนด จากนั้นจะดึงข้อมูลจากคอลัมน์ที่ต้องการในแถวเดียวกันออกมา

ไวยากรณ์ของ VLOOKUP

VLOOKUP(search_key, range, index, [is_sorted])

  • search_key: ค่าที่คุณต้องการค้นหาในคอลัมน์แรกของช่วงข้อมูล (Range) ค่านี้อาจเป็นข้อความ, ตัวเลข, หรือวันที่
  • range: ช่วงข้อมูล (Range) ที่ VLOOKUP จะค้นหา โดยคอลัมน์แรกของ Range นี้จะต้องเป็นคอลัมน์ที่ใช้ค้นหา search_key
  • index: หมายเลขคอลัมน์ (Column Index) ใน Range ที่คุณต้องการดึงข้อมูลออกมา โดยคอลัมน์แรกของ Range คือคอลัมน์ที่ 1
  • is_sorted: (ทางเลือก) ระบุว่าคอลัมน์แรกของ Range ถูกเรียงลำดับหรือไม่ หากใส่ TRUE (หรือละเว้น) VLOOKUP จะหาค่าที่ใกล้เคียงที่สุด หากใส่ FALSE VLOOKUP จะหาค่าที่ตรงกันเป๊ะๆ (Exact Match)

ตัวอย่างการใช้งาน VLOOKUP

สมมติว่าคุณมีสอง Sheet ใน Google Sheets:

  • Sheet1 (ข้อมูลลูกค้า): มีคอลัมน์ รหัสลูกค้า, ชื่อลูกค้า, เบอร์โทรศัพท์
  • Sheet2 (รายการสั่งซื้อ): มีคอลัมน์ รหัสลูกค้า, วันที่สั่งซื้อ, จำนวนเงิน

คุณต้องการดึง ชื่อลูกค้า จาก Sheet1 ไปใส่ใน Sheet2 โดยอิงจาก รหัสลูกค้า

  1. ใน Sheet2 เลือกเซลล์ที่คุณต้องการแสดง ชื่อลูกค้า

  2. พิมพ์สูตร: =VLOOKUP(A2, Sheet1!A:C, 2, FALSE)

    • A2 คือ รหัสลูกค้า ใน Sheet2 (ค่า search_key)
    • Sheet1!A:C คือช่วงข้อมูลใน Sheet1 ที่ครอบคลุมคอลัมน์ รหัสลูกค้า, ชื่อลูกค้า, เบอร์โทรศัพท์ (Range)
    • 2 คือหมายเลขคอลัมน์ของ ชื่อลูกค้า ใน Sheet1 (คอลัมน์ที่สองของ Range) (Index)
    • FALSE หมายถึงต้องการหาค่าที่ตรงกันเป๊ะๆ (Exact Match)

เคล็ดลับและเทคนิค VLOOKUP:

  • การใช้ $ เพื่อตรึงเซลล์ (Absolute Reference): เมื่อคัดลอกสูตร VLOOKUP ลงในเซลล์อื่นๆ อาจทำให้ Range เลื่อนตามไปด้วย การใช้ $ ช่วยตรึงเซลล์ไม่ให้เลื่อน เช่น Sheet1!$A$1:$C$100
  • การจัดการข้อผิดพลาด: หาก VLOOKUP หา search_key ไม่เจอ จะแสดง #N/A คุณสามารถใช้ IFERROR เพื่อจัดการข้อผิดพลาดนี้ได้ เช่น =IFERROR(VLOOKUP(A2, Sheet1!A:C, 2, FALSE), "ไม่พบข้อมูล")
  • การใช้ VLOOKUP กับหลายเงื่อนไข: VLOOKUP ไม่รองรับการค้นหาด้วยหลายเงื่อนไขโดยตรง คุณสามารถใช้เทคนิคการสร้างคอลัมน์ “Key” ที่รวมข้อมูลหลายเงื่อนไขเข้าด้วยกัน แล้วใช้ Key นั้นเป็น search_key
  • พิจารณา XLOOKUP: Google Sheets มีฟังก์ชันใหม่ที่เรียกว่า XLOOKUP ซึ่งมีความยืดหยุ่นและใช้งานง่ายกว่า VLOOKUP หากคุณเพิ่งเริ่มต้น ศึกษา XLOOKUP อาจเป็นทางเลือกที่ดีกว่า

ข้อควรระวัง:

  • VLOOKUP ค้นหาเฉพาะในคอลัมน์แรกของ Range เท่านั้น หากข้อมูลที่คุณต้องการค้นหาอยู่ในคอลัมน์อื่น คุณจะต้องปรับ Range ให้เหมาะสม
  • VLOOKUP จะคืนค่าแรกที่เจอ หากมีค่า search_key ซ้ำกันใน Range

สรุป:

VLOOKUP เป็นเครื่องมือที่ทรงพลังสำหรับการดึงข้อมูลใน Google Sheets การทำความเข้าใจหลักการทำงานและเทคนิคต่างๆ จะช่วยให้คุณใช้งานฟังก์ชันนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และจัดการข้อมูลของคุณได้อย่างมืออาชีพ ลองฝึกฝนและนำ VLOOKUP ไปประยุกต์ใช้กับงานของคุณ แล้วคุณจะพบว่ามันเป็นตัวช่วยที่ขาดไม่ได้เลยทีเดียว