IPhone ปิดตำแหน่งยังไง

ปิด GPS ใน iPhone: มากกว่าแค่ “อย่าแชร์” ปกป้องความเป็นส่วนตัวเชิงลึก

การแชร์ตำแหน่งที่ตั้งเป็นคุณสมบัติที่สะดวกสบาย ช่วยให้เราใช้แอปพลิเคชันนำทาง แบ่งปันพิกัดกับเพื่อน หรือแม้กระทั่งค้นหา iPhone ที่หายไปได้ แต่ในขณะเดียวกัน การเปิด GPS ทิ้งไว้อาจทำให้ความเป็นส่วนตัวของเราถูกคุกคามโดยไม่รู้ตัว โชคดีที่ iPhone มีเครื่องมือที่ช่วยให้เราควบคุมการเข้าถึงตำแหน่งที่ตั้งได้อย่างละเอียด นอกเหนือจากวิธีพื้นฐานที่กล่าวมา (การตั้งค่า > ความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัย > บริการหาตำแหน่งที่ตั้ง) แล้ว ยังมีอีกหลายแง่มุมที่เราควรรู้เพื่อจัดการ GPS ได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

1. ระดับการเข้าถึง: ละเอียดหรือแม่นยำน้อยกว่า?

หลายคนอาจไม่ทราบว่า iPhone อนุญาตให้เรากำหนดระดับความแม่นยำของการแชร์ตำแหน่งที่ตั้งได้ นอกจากตัวเลือก “อย่าแชร์” แล้ว ใน iOS 14 เป็นต้นมา เรายังสามารถเลือก “ตำแหน่งที่ตั้งที่แม่นยำ” ได้ เมื่อปิดตัวเลือกนี้ แอปพลิเคชันจะได้รับตำแหน่งโดยประมาณ ทำให้แอปยังคงทำงานได้ตามปกติ (เช่น พยากรณ์อากาศ) แต่จะไม่สามารถระบุตำแหน่งของเราได้อย่างแม่นยำ ช่วยลดความเสี่ยงที่ข้อมูลส่วนตัวจะถูกนำไปใช้ในทางที่ผิด

2. การตั้งค่าสำหรับแต่ละแอป: ความจำเป็นหรือการละเมิดสิทธิ?

ก่อนที่จะเลือก “อย่าแชร์” กับทุกแอปพลิเคชัน ลองพิจารณาถึงความจำเป็นในการเข้าถึงตำแหน่งที่ตั้งของแต่ละแอป ตัวอย่างเช่น แอปนำทางอาจจำเป็นต้องรู้ตำแหน่งของเราตลอดเวลา ในขณะที่แอปโซเชียลมีเดียอาจต้องการเพียงแค่ตอนที่เรากำลังใช้งานเท่านั้น iPhone อนุญาตให้เราเลือกการเข้าถึงตำแหน่งที่ตั้งได้ 3 แบบสำหรับแต่ละแอป:

• ไม่เลย: แอปจะไม่สามารถเข้าถึงตำแหน่งที่ตั้งได้เลย
• ขณะใช้แอป: แอปจะสามารถเข้าถึงตำแหน่งที่ตั้งได้เฉพาะเมื่อแอปเปิดอยู่
• เสมอ: แอปจะสามารถเข้าถึงตำแหน่งที่ตั้งได้ตลอดเวลา แม้ว่าจะไม่ได้เปิดใช้งาน

การเลือกตัวเลือกที่เหมาะสมกับแต่ละแอป จะช่วยให้เราใช้ประโยชน์จากฟีเจอร์ต่างๆ ได้โดยไม่ละทิ้งความเป็นส่วนตัวมากเกินไป

3. สัญลักษณ์และคำเตือน: จับตาดูสัญญาณเตือนภัย

iPhone จะแสดงสัญลักษณ์ลูกศรเล็กๆ ที่ด้านบนของหน้าจอเมื่อมีการใช้งานบริการหาตำแหน่งที่ตั้ง คอยสังเกตสัญลักษณ์นี้เพื่อตรวจสอบว่าแอปใดกำลังเข้าถึงตำแหน่งของเราอยู่ นอกจากนี้ iOS ยังมีฟีเจอร์ที่แจ้งเตือนเราเมื่อมีแอปที่เข้าถึงตำแหน่งของเราอยู่เป็นประจำในเบื้องหลัง ช่วยให้เราตรวจสอบและปรับเปลี่ยนการตั้งค่าได้หากจำเป็น

4. บริการระบบ: มองข้ามไม่ได้

ในเมนู “บริการหาตำแหน่งที่ตั้ง” จะมีส่วน “บริการระบบ” ที่รวมถึงฟีเจอร์ต่างๆ ที่ใช้ตำแหน่งที่ตั้ง เช่น การตั้งค่าโซนเวลา การปรับปรุงแผนที่ หรือการโฆษณาตามตำแหน่งที่ตั้ง ลองตรวจสอบรายการเหล่านี้และปิดฟีเจอร์ที่ไม่จำเป็นเพื่อลดการใช้ GPS โดยรวม

5. ความเป็นส่วนตัวและแบตเตอรี่: สองสิ่งที่เชื่อมโยงกัน

การเปิด GPS ทิ้งไว้อาจส่งผลเสียต่ออายุการใช้งานแบตเตอรี่ การปิดการเข้าถึงตำแหน่งที่ตั้งสำหรับแอปที่ไม่จำเป็น หรือการเลือกใช้ “ตำแหน่งที่ตั้งที่แม่นยำน้อยกว่า” จะช่วยประหยัดแบตเตอรี่และยืดอายุการใช้งานของ iPhone ได้

สรุป

การปิด GPS ใน iPhone ไม่ได้หมายถึงแค่การปิดสวิตช์ง่ายๆ แต่เป็นการทำความเข้าใจถึงวิธีการทำงานของบริการหาตำแหน่งที่ตั้ง การปรับแต่งการตั้งค่าให้เหมาะสมกับความต้องการของเรา และการเฝ้าระวังการใช้งาน GPS ของแอปพลิเคชันต่างๆ ด้วยการจัดการ GPS อย่างชาญฉลาด เราจะสามารถปกป้องความเป็นส่วนตัวได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมทั้งใช้ประโยชน์จากฟีเจอร์ที่ iPhone มอบให้ได้อย่างเต็มที่