กินน้ําแล้วกี่นาทีฉี่

กินน้ำแล้วกี่นาที…ถึงเวลาปล่อยของ? ไขข้อสงสัยเรื่องฉี่กับน้ำที่ (ไม่) แน่นอน

เคยไหม? ดื่มน้ำไปอึกใหญ่ แล้วรู้สึกเหมือนมีสัญญาณเตือนดังในร่างกายว่า “เตรียมตัว… อีกเดี๋ยวต้องวิ่งเข้าห้องน้ำแน่ๆ” แล้วไอ้ “เดี๋ยว” ที่ว่าเนี่ย มันนานแค่ไหนกันแน่? 5 นาที? 15 นาที? หรือครึ่งชั่วโมง? คำถามยอดฮิตนี้ดูเหมือนจะไม่มีคำตอบตายตัว เพราะระยะเวลาตั้งแต่เราดื่มน้ำเข้าไปจนถึงเวลาที่ต้องไปเข้าห้องน้ำนั้น ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่างที่ซับซ้อนกว่าที่เราคิด

ไม่ใช่แค่ “ดื่ม” แต่คือ “อะไร” และ “เท่าไหร่”

ปริมาณน้ำที่ดื่มแน่นอนว่ามีผลต่อความถี่ในการปัสสาวะ หากเราดื่มน้ำปริมาณมากในคราวเดียว ร่างกายก็จะพยายามขับน้ำส่วนเกินออกมาเร็วขึ้น แต่สิ่งที่หลายคนอาจไม่ทันสังเกตคือ ชนิด ของเครื่องดื่มที่เราดื่มเข้าไปด้วย เครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนหรือแอลกอฮอล์เป็นส่วนผสม จะมีฤทธิ์ขับปัสสาวะ ทำให้เราปวดปัสสาวะเร็วกว่าการดื่มน้ำเปล่าเสียอีก

กิจกรรมที่ทำ…ตัวแปรสำคัญที่ถูกมองข้าม

การทำกิจกรรมต่างๆ ก็มีผลต่อความถี่ในการปัสสาวะเช่นกัน หากเรากำลังออกกำลังกายอย่างหนัก ร่างกายจะสูญเสียน้ำผ่านเหงื่อมากกว่าปกติ ทำให้ปริมาณน้ำที่จะถูกขับออกทางปัสสาวะลดลง หรือในทางกลับกัน หากเรานั่งอยู่เฉยๆ ร่างกายก็จะไม่ได้สูญเสียน้ำมากนัก ทำให้เราปวดปัสสาวะได้เร็วกว่า

อากาศร้อน…ตัวช่วยให้เรารู้จักร่างกายตัวเอง

สภาพอากาศก็เป็นอีกปัจจัยที่ไม่ควรมองข้าม ในวันที่อากาศร้อน ร่างกายจะขับเหงื่อออกมามาก ทำให้ปริมาณปัสสาวะลดลง และทำให้เรารู้สึกกระหายน้ำมากขึ้น ในขณะที่อากาศเย็น ร่างกายจะสูญเสียน้ำน้อยลง ทำให้เราปวดปัสสาวะบ่อยขึ้น

อย่าเชื่อตัวเลข…เชื่อร่างกายตัวเอง

แทนที่จะพยายามจับเวลาว่ากินน้ำไปกี่นาทีถึงต้องฉี่ สิ่งที่สำคัญกว่าคือการสังเกตตัวเองและปรับปริมาณน้ำที่ดื่มให้เหมาะสมกับความต้องการของร่างกาย ลองสังเกตสีของปัสสาวะ หากปัสสาวะมีสีเหลืองอ่อนถึงใส แสดงว่าร่างกายได้รับน้ำเพียงพอแล้ว แต่ถ้าปัสสาวะมีสีเหลืองเข้ม แสดงว่าร่างกายกำลังขาดน้ำ และควรดื่มน้ำเพิ่ม

สรุป: อย่าไปยึดติดกับตัวเลขตายตัว เพราะไม่มีสูตรสำเร็จว่ากินน้ำแล้วกี่นาทีต้องฉี่ แต่จงฟังเสียงร่างกาย สังเกตสีปัสสาวะ และปรับปริมาณน้ำที่ดื่มให้เหมาะสมกับกิจกรรม สภาพอากาศ และความต้องการของร่างกายตัวเอง เท่านี้เราก็จะสามารถดูแลสุขภาพและรักษาสมดุลของน้ำในร่างกายได้อย่างดีที่สุด