เก็บอุจจาระส่งตรวจต้องแช่ตู้เย็นไหม

1 การดู

เพื่อรักษาคุณภาพของตัวอย่างอุจจาระ ควรนำส่งห้องปฏิบัติการโดยเร็วที่สุด หากไม่สามารถทำได้ทันที ให้เก็บตัวอย่างในตู้เย็น (ช่องธรรมดาที่ไม่ใช่ช่องแช่แข็ง) ได้ไม่เกิน 24 ชั่วโมง ใส่ถุงพลาสติก 2 ชั้น มัดปากถุงให้แน่น และแยกจากอาหารและเครื่องดื่มอื่น ๆ ในตู้เย็นอย่างชัดเจน

ข้อเสนอแนะ 0 การถูกใจ

เก็บอุจจาระส่งตรวจ: คู่มือฉบับเข้าใจง่าย ทำอย่างไรให้ผลแม่นยำ

การเก็บอุจจาระส่งตรวจ เป็นขั้นตอนสำคัญในการวินิจฉัยโรคหลายชนิด ตั้งแต่การติดเชื้อในระบบทางเดินอาหาร ไปจนถึงการตรวจหาภาวะผิดปกติอื่นๆ ที่อาจส่งผลต่อสุขภาพโดยรวม แต่หลายคนอาจสงสัยว่า “เก็บอุจจาระส่งตรวจต้องแช่ตู้เย็นไหม?” และมีขั้นตอนอะไรบ้างที่ควรทราบเพื่อให้ผลการตรวจแม่นยำที่สุด บทความนี้จะไขข้อสงสัยและให้คำแนะนำที่เข้าใจง่าย เพื่อให้คุณเตรียมตัวอย่างอุจจาระได้อย่างถูกต้องและมั่นใจ

ทำไมต้องส่งอุจจาระตรวจ?

ก่อนอื่น เรามาทำความเข้าใจกันก่อนว่าการตรวจอุจจาระมีความสำคัญอย่างไร? อุจจาระเป็นของเสียที่ร่างกายขับออกมา แต่ในขณะเดียวกัน ก็เป็นแหล่งข้อมูลสำคัญที่บ่งบอกถึงสุขภาพภายในระบบทางเดินอาหาร การตรวจอุจจาระสามารถช่วยตรวจหา:

  • การติดเชื้อ: เชื้อแบคทีเรีย, ไวรัส, หรือปรสิต ที่ก่อให้เกิดอาการท้องเสีย, ปวดท้อง, หรือคลื่นไส้
  • เลือดในอุจจาระ: อาจเป็นสัญญาณของแผลในกระเพาะอาหาร, ริดสีดวงทวาร, หรือแม้กระทั่งมะเร็งลำไส้ใหญ่
  • ไขมันในอุจจาระ: บ่งบอกถึงปัญหาการดูดซึมสารอาหาร
  • การอักเสบ: เช่น ในผู้ป่วยโรคลำไส้อักเสบเรื้อรัง

เก็บอุจจาระส่งตรวจต้องแช่ตู้เย็นไหม? คำตอบอยู่ที่นี่

คำตอบคือ ควรแช่ตู้เย็น หากไม่สามารถนำส่งห้องปฏิบัติการได้ทันที เหตุผลก็คือ อุจจาระเป็นสภาพแวดล้อมที่เชื้อโรคต่างๆ สามารถเจริญเติบโตได้อย่างรวดเร็ว หากปล่อยทิ้งไว้นอกตู้เย็น เชื้อโรคเหล่านั้นอาจเพิ่มจำนวนขึ้น และส่งผลต่อผลการตรวจ ทำให้ผลออกมาไม่ถูกต้องแม่นยำ

ขั้นตอนการเก็บอุจจาระส่งตรวจอย่างถูกต้อง

  1. เตรียมอุปกรณ์:

    • ภาชนะสะอาด: ควรเป็นภาชนะที่ปราศจากเชื้อโรค อาจเป็นกระป๋องเก็บอุจจาระที่ทางโรงพยาบาลหรือคลินิกจัดเตรียมให้ หรือภาชนะสะอาดอื่นๆ ที่มีฝาปิดสนิท
    • ช้อนหรือไม้พาย: ใช้สำหรับตักอุจจาระใส่ภาชนะ
    • ถุงมือ (ถ้ามี): เพื่อสุขอนามัยที่ดี
    • ถุงพลาสติก: สำหรับใส่ภาชนะเก็บอุจจาระ
  2. วิธีการเก็บ:

    • ปัสสาวะก่อน: ก่อนเก็บอุจจาระ ควรปัสสาวะให้เรียบร้อย เพื่อป้องกันการปนเปื้อน
    • ถ่ายอุจจาระ: ถ่ายอุจจาระลงบนกระดาษรอง หรือภาชนะที่สะอาด เพื่อไม่ให้ปนเปื้อนกับน้ำในโถส้วม
    • ตักอุจจาระ: ใช้ช้อนหรือไม้พายตักอุจจาระประมาณ 2-3 ช้อนโต๊ะ ใส่ลงในภาชนะเก็บอุจจาระ
    • ปิดฝาให้สนิท: ปิดฝาภาชนะเก็บอุจจาระให้สนิท เพื่อป้องกันการรั่วไหล
  3. การเก็บรักษา (หากยังไม่สามารถส่งตรวจได้ทันที):

    • ใส่ถุงพลาสติก 2 ชั้น: ป้องกันการรั่วไหลและปนเปื้อน
    • มัดปากถุงให้แน่น: ป้องกันกลิ่นและเชื้อโรค
    • แช่ตู้เย็น (ช่องธรรมดา): เก็บในช่องธรรมดา (อุณหภูมิ 2-8 องศาเซลเซียส) ไม่เกิน 24 ชั่วโมง
    • แยกจากอาหาร: เก็บให้ห่างจากอาหารและเครื่องดื่มอื่นๆ ในตู้เย็นอย่างชัดเจน

ข้อควรระวังและคำแนะนำเพิ่มเติม

  • หลีกเลี่ยงการเก็บอุจจาระในช่วงมีประจำเดือน: หากเป็นผู้หญิง ควรหลีกเลี่ยงการเก็บอุจจาระในช่วงมีประจำเดือน เนื่องจากเลือดอาจปนเปื้อนและส่งผลต่อผลการตรวจ
  • แจ้งแพทย์เกี่ยวกับยาที่รับประทาน: แจ้งให้แพทย์ทราบเกี่ยวกับยาที่คุณกำลังรับประทานอยู่ เนื่องจากยาบางชนิดอาจมีผลต่อผลการตรวจอุจจาระ
  • ส่งตัวอย่างโดยเร็วที่สุด: ทางที่ดีที่สุดคือการนำส่งตัวอย่างอุจจาระไปยังห้องปฏิบัติการโดยเร็วที่สุดหลังการเก็บ เพื่อให้ผลการตรวจมีความแม่นยำมากที่สุด

สรุป

การเก็บอุจจาระส่งตรวจอย่างถูกต้องเป็นสิ่งสำคัญเพื่อให้ได้ผลการตรวจที่แม่นยำ หากไม่สามารถนำส่งห้องปฏิบัติการได้ทันที การแช่ตู้เย็นเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการรักษาสภาพตัวอย่าง แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือการปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์และห้องปฏิบัติการอย่างเคร่งครัด เพื่อให้การวินิจฉัยและการรักษาเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ