เคยฉีดวัคซีนมะเร็งปากมดลูกแล้วฉีดซ้ำได้ไหม

ฉีดวัคซีนมะเร็งปากมดลูกไปแล้ว ต้องฉีดซ้ำอีกไหม? อัปเดตข้อมูลล่าสุดเกี่ยวกับวัคซีน HPV

วัคซีน HPV หรือวัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูก ถือเป็นหนึ่งในเครื่องมือสำคัญในการลดความเสี่ยงของการเกิดมะเร็งปากมดลูก ซึ่งเป็นมะเร็งที่คร่าชีวิตผู้หญิงทั่วโลกจำนวนมาก การฉีดวัคซีน HPV เป็นการสร้างภูมิคุ้มกันเพื่อป้องกันการติดเชื้อไวรัส HPV (Human Papillomavirus) ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของการเกิดมะเร็งปากมดลูก รวมถึงโรคอื่นๆ เช่น หูดหงอนไก่ มะเร็งช่องทวารหนัก และมะเร็งช่องปากและลำคอ

คำถามที่พบบ่อยคือ หากเคยฉีดวัคซีน HPV ครบโดสไปแล้ว จำเป็นต้องฉีดกระตุ้นซ้ำอีกหรือไม่?

ปัจจุบัน ยังไม่มีคำแนะนำอย่างเป็นทางการให้ฉีดวัคซีน HPV กระตุ้นซ้ำ

จากข้อมูลและงานวิจัยล่าสุด พบว่าวัคซีน HPV มีประสิทธิภาพในการป้องกันการติดเชื้อไวรัส HPV และป้องกันการเกิดมะเร็งปากมดลูกได้ยาวนานกว่า 10 ปี ภูมิคุ้มกันที่เกิดขึ้นจากการฉีดวัคซีนครั้งแรกยังคงสามารถป้องกันการติดเชื้อได้อย่างมีประสิทธิภาพ แม้เวลาจะผ่านไปนานแล้วก็ตาม

ทำไมถึงยังไม่มีคำแนะนำให้ฉีดกระตุ้น?

• ประสิทธิภาพของวัคซีนที่ยาวนาน: ข้อมูลบ่งชี้ว่าวัคซีน HPV สามารถป้องกันโรคได้ในระยะยาว โดยสามารถป้องกันการติดเชื้อ HPV ที่ก่อให้เกิดมะเร็งปากมดลูกได้ถึง 90% แม้หลังจาก 10 ปีผ่านไป
• การศึกษาต่อเนื่อง: นักวิจัยยังคงทำการศึกษาติดตามผลของผู้ที่เคยได้รับวัคซีน HPV เพื่อประเมินประสิทธิภาพและความจำเป็นในการฉีดกระตุ้นในระยะยาว หากมีการเปลี่ยนแปลงของข้อมูล หรือพบว่าภูมิคุ้มกันลดลงจนมีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ HPV อีกครั้ง อาจมีการเปลี่ยนแปลงคำแนะนำในอนาคต

สิ่งที่ควรทำแม้ว่าวัคซีนจะป้องกันได้ยาวนาน:

ถึงแม้ว่าวัคซีน HPV จะมีประสิทธิภาพสูงและป้องกันได้ยาวนาน แต่สิ่งสำคัญที่ผู้หญิงทุกคนควรทำควบคู่กันไปคือ:

• การตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก: การตรวจคัดกรอง เช่น แปปสเมียร์ (Pap smear) หรือการตรวจ HPV DNA ยังคงมีความสำคัญอย่างยิ่ง เพราะช่วยในการตรวจพบความผิดปกติของเซลล์บริเวณปากมดลูกได้ตั้งแต่ระยะเริ่มต้น ซึ่งจะช่วยให้การรักษาเป็นไปอย่างทันท่วงทีและมีประสิทธิภาพ
• ปรึกษาแพทย์: หากมีข้อสงสัยหรือกังวลเกี่ยวกับวัคซีน HPV หรือการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก ควรปรึกษาแพทย์เพื่อขอคำแนะนำที่เหมาะสมกับแต่ละบุคคล

สรุป:

ในปัจจุบัน ยังไม่มีความจำเป็นต้องฉีดวัคซีน HPV กระตุ้นซ้ำ เนื่องจากวัคซีนมีประสิทธิภาพในการป้องกันการติดเชื้อไวรัส HPV และป้องกันการเกิดมะเร็งปากมดลูกได้ยาวนานกว่า 10 ปี อย่างไรก็ตาม การตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกเป็นประจำ และการปรึกษาแพทย์เมื่อมีข้อสงสัยหรือกังวล ยังคงเป็นสิ่งสำคัญที่ผู้หญิงทุกคนควรให้ความสำคัญ เพื่อสุขภาพที่ดีและป้องกันการเกิดมะเร็งปากมดลูกได้อย่างมีประสิทธิภาพ