เลือด AB มึลูกเป็น O ได้ไหม

ปริศนาหมู่เลือด: พ่อแม่ AB กับ O ลูกจะเป็น O ได้หรือไม่?

คำถามที่ว่าพ่อแม่ที่มีหมู่เลือด AB และ O จะมีลูกที่มีหมู่เลือด O ได้หรือไม่ เป็นคำถามที่พบเห็นบ่อยครั้ง และมักก่อให้เกิดความสับสน คำตอบโดยย่อจากหลักพันธุกรรมเบื้องต้นคือ ไม่น่าเป็นไปได้

ระบบหมู่เลือด ABO ถูกกำหนดโดยยีนสองตัว A และ B ซึ่งเป็นยีนร่วมโดดเด่น (co-dominant) และยีน O ซึ่งเป็นยีนด้อย (recessive) บุคคลที่มีหมู่เลือด A จะมียีน AA หรือ AO บุคคลที่มีหมู่เลือด B จะมียีน BB หรือ BO และบุคคลที่มีหมู่เลือด AB จะมียีน AB ส่วนบุคคลที่มีหมู่เลือด O จะมียีน OO เท่านั้น

หากพ่อแม่มีหมู่เลือด AB (มียีน AB) และ O (มียีน OO) ลูกจะได้รับยีนหนึ่งจากพ่อและยีนหนึ่งจากแม่ ดังนั้น ความเป็นไปได้ของหมู่เลือดในลูกจะมีดังนี้:

• AO: ลูกจะมีหมู่เลือด A
• BO: ลูกจะมีหมู่เลือด B

จะเห็นได้ว่าไม่มีความเป็นไปได้ใดที่จะทำให้ลูกมีหมู่เลือด O เนื่องจากลูกจะต้องได้รับยีน O จากทั้งพ่อและแม่ แต่พ่อที่มีหมู่เลือด AB ไม่มียีน O ให้ลูก

อย่างไรก็ตาม ในทางปฏิบัติ มีความเป็นไปได้ที่ผลการตรวจหมู่เลือดจะผิดพลาดได้ สาเหตุอาจเกิดจาก:

• ข้อผิดพลาดในการตรวจสอบ: ขั้นตอนการตรวจวิเคราะห์อาจมีความคลาดเคลื่อนได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากใช้วิธีการที่ไม่แม่นยำหรือมีการปนเปื้อนของตัวอย่างเลือด
• ปรากฏการณ์ Bombay phenotype: เป็นกรณีที่หายากมาก ซึ่งบุคคลนั้นมียีนสร้างสาร H (ซึ่งเป็นสารตั้งต้นของแอนติเจน A และ B) ทำงานผิดปกติ ทำให้แม้จะมียีน A หรือ B ก็ตาม แต่แสดงผลเป็นหมู่เลือด O อย่างไรก็ตาม กรณีนี้จะต้องมีประวัติครอบครัวที่ชี้ให้เห็นถึงความผิดปกติของยีนดังกล่าว
• การสลับตัวอย่างเลือด: มีความเป็นไปได้เล็กน้อยที่ตัวอย่างเลือดจะถูกสลับระหว่างการตรวจสอบ

ดังนั้น หากพบกรณีที่พ่อแม่มีหมู่เลือด AB และ O แต่ลูกมีหมู่เลือด O จำเป็นต้องมีการตรวจสอบอย่างละเอียด อาจต้องทำการตรวจดีเอ็นเอเพื่อยืนยันความสัมพันธ์ทางสายเลือดและยีนหมู่เลือดอีกครั้ง เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่แม่นยำและคลายข้อสงสัย การพิจารณาถึงความเป็นไปได้ของข้อผิดพลาดในการตรวจสอบ และภาวะทางพันธุกรรมที่หายาก เป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้เข้าใจกรณีที่ผิดปกติเหล่านี้ได้อย่างรอบด้าน

บทความนี้ให้ข้อมูลเชิงวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับหมู่เลือด ABO และความสัมพันธ์ระหว่างหมู่เลือดของพ่อแม่กับลูก แต่ไม่ใช่คำแนะนำทางการแพทย์ หากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับหมู่เลือด ควรปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญทางด้านพันธุกรรมเพื่อรับคำแนะนำที่ถูกต้องและเหมาะสม