ต้องมีรายได้เท่าไรถึงเสียภาษี

1 การดู

ตามกฎหมายภาษีเงินได้ฉบับปัจจุบัน บุคคลที่มีรายได้พึงประเมินตั้งแต่ 150,000 บาทขึ้นไป จะต้องเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา โดยกำหนดให้ผู้มีรายได้ตั้งแต่ 250,000 บาทขึ้นไป ต้องยื่นแบบแสดงรายการภาษี

ข้อเสนอแนะ 0 การถูกใจ

กว่าจะถึงเส้นแบ่ง: ไขข้อข้องใจเรื่อง “รายได้เท่าไรถึงเสียภาษี” ฉบับอัพเดทล่าสุด

หลายคนอาจเคยได้ยินคำถามที่ว่า “รายได้เท่าไรถึงต้องเสียภาษี?” คำตอบดูเหมือนจะง่าย แต่ในความเป็นจริง กลับมีรายละเอียดปลีกย่อยที่ควรทำความเข้าใจ เพื่อให้การวางแผนการเงินและจัดการเรื่องภาษีเป็นไปอย่างราบรื่น ถูกต้อง และเป็นประโยชน์สูงสุด

ตามกฎหมายภาษีเงินได้ฉบับปัจจุบัน บุคคลที่มี รายได้พึงประเมินตั้งแต่ 150,000 บาทขึ้นไป จะต้องเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา นี่คือหลักการเบื้องต้นที่ทุกคนควรรู้ อย่างไรก็ตาม คำว่า “รายได้พึงประเมิน” นี้มีความหมายที่กว้างกว่าที่คิด

รายได้พึงประเมินคืออะไร?

รายได้พึงประเมิน หมายถึง รายได้ทุกประเภทที่เกิดขึ้นระหว่างปีภาษี ไม่ว่าจะเป็น เงินเดือน ค่าจ้าง ค่าคอมมิชชั่น โบนัส เงินปันผล ค่าเช่า หรือแม้กระทั่งรายได้จากการขายของออนไลน์ ซึ่งทั้งหมดนี้จะถูกนำมารวมกันเพื่อคำนวณภาษี

เส้นแบ่งที่ต้องรู้: 150,000 บาท กับ 250,000 บาท ต่างกันอย่างไร?

ถึงแม้กฎหมายกำหนดว่าบุคคลที่มีรายได้พึงประเมินตั้งแต่ 150,000 บาทขึ้นไปต้องเสียภาษี แต่ไม่ใช่ทุกคนที่ต้องยื่นแบบแสดงรายการภาษี โดยมีเส้นแบ่งที่สำคัญอีกเส้นหนึ่งคือ 250,000 บาท

  • รายได้พึงประเมินตั้งแต่ 150,000 บาทขึ้นไป: ต้องเสียภาษีตามอัตราที่กฎหมายกำหนด แต่ถ้าหากหลังจากหักค่าลดหย่อนต่างๆ แล้ว รายได้สุทธิ (รายได้พึงประเมิน หัก ค่าใช้จ่าย และค่าลดหย่อน) ไม่ถึงเกณฑ์ที่ต้องเสียภาษี (ปัจจุบันคือ 150,000 บาท) ก็อาจไม่ต้องเสียภาษีจริง
  • รายได้พึงประเมินตั้งแต่ 250,000 บาทขึ้นไป: ต้องยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา (ภ.ง.ด.90 หรือ ภ.ง.ด.91) เพื่อแจ้งรายได้และค่าลดหย่อนต่างๆ ให้กรมสรรพากรทราบ แม้ว่าหลังจากหักค่าลดหย่อนแล้ว จะไม่ต้องเสียภาษี ก็ยังต้องยื่นแบบฯ

ทำไมต้องยื่นแบบแสดงรายการภาษี แม้ไม่ต้องเสียภาษี?

การยื่นแบบแสดงรายการภาษี เป็นหน้าที่ของพลเมืองทุกคนที่มีรายได้ถึงเกณฑ์ที่กำหนด ถึงแม้จะไม่ต้องเสียภาษี ก็ถือเป็นการแสดงความโปร่งใสและความรับผิดชอบต่อรัฐ นอกจากนี้ การยื่นแบบฯ ยังเป็นประโยชน์ในการขอคืนภาษีในกรณีที่มีการหักภาษี ณ ที่จ่ายไว้เกิน หรือในกรณีที่ได้รับสิทธิลดหย่อนเพิ่มเติมภายหลัง

เคล็ดลับการวางแผนภาษีอย่างชาญฉลาด

  • ทำความเข้าใจสิทธิประโยชน์ทางภาษี: ศึกษาและใช้สิทธิลดหย่อนต่างๆ ที่มีให้ เช่น ค่าลดหย่อนส่วนตัว, ค่าลดหย่อนบุตร, ค่าลดหย่อนประกันชีวิต, ค่าลดหย่อนกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ, หรือค่าลดหย่อนเพื่อการลงทุนต่างๆ
  • วางแผนการเงินอย่างรอบคอบ: วางแผนการใช้จ่ายและการลงทุนอย่างมีสติ เพื่อให้ได้รับประโยชน์สูงสุดจากสิทธิลดหย่อนทางภาษี
  • ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ: หากไม่แน่ใจในเรื่องใด ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านภาษี เพื่อขอคำแนะนำที่ถูกต้องและเหมาะสมกับสถานการณ์ของตนเอง

สรุป

การทำความเข้าใจเรื่องภาษี เป็นเรื่องสำคัญที่ทุกคนควรให้ความใส่ใจ การรู้ว่า “รายได้เท่าไรถึงเสียภาษี” เป็นเพียงจุดเริ่มต้น การวางแผนภาษีอย่างชาญฉลาด จะช่วยให้คุณสามารถบริหารจัดการการเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพ และลดภาระภาษีได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย

ข้อควรจำ: ข้อมูลในบทความนี้เป็นการให้ข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับกฎหมายภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาฉบับปัจจุบัน กฎหมายและระเบียบต่างๆ อาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ ดังนั้น ควรตรวจสอบข้อมูลล่าสุดจากกรมสรรพากร หรือปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านภาษี เพื่อให้ได้รับข้อมูลที่ถูกต้องและเป็นปัจจุบันที่สุด