รายได้เท่าไรต้องเสียภาษี 2567

2 การดู

วางแผนภาษีของคุณอย่างชาญฉลาดในปี 2567! รู้หรือไม่ว่ามีค่าลดหย่อนและสิทธิประโยชน์ทางภาษีมากมายที่คุณอาจพลาดไป? ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมและวางแผนการเงินของคุณเพื่อประหยัดภาษีได้อย่างมีประสิทธิภาพ. ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านภาษีเพื่อรับคำแนะนำเฉพาะบุคคล.

ข้อเสนอแนะ 0 การถูกใจ

ไขข้อสงสัย! รายได้เท่าไหร่ต้องเสียภาษี 2567 และเคล็ดลับวางแผนภาษีที่คุณอาจไม่เคยรู้!

ปี 2567 กำลังใกล้เข้ามาถึง การวางแผนภาษีจึงเป็นเรื่องที่สำคัญอย่างยิ่งสำหรับทุกคนที่มีรายได้ ไม่ว่าจะเป็นพนักงานประจำ ผู้ประกอบอาชีพอิสระ หรือแม้แต่ผู้ที่มีรายได้จากช่องทางอื่นๆ การทำความเข้าใจเกี่ยวกับเกณฑ์รายได้ที่ต้องเสียภาษี และวิธีการลดหย่อนภาษีอย่างถูกต้อง จะช่วยให้คุณประหยัดเงินในกระเป๋าได้อย่างไม่น่าเชื่อ

ไขคำตอบ! รายได้เท่าไหร่ต้องเสียภาษีในปี 2567?

เกณฑ์รายได้ขั้นต่ำที่ต้องยื่นภาษีในปี 2567 ยังคงอิงตามหลักเกณฑ์เดิม แต่ก็ควรตรวจสอบให้แน่ใจเพื่อไม่ให้พลาดโอกาสในการยื่นภาษีและอาจถูกปรับภายหลัง โดยสรุปได้ดังนี้:

  • บุคคลธรรมดาที่มีเงินได้ประเภทที่ 1 และ 2 (เงินเดือน ค่าจ้าง):
    • โสด: หากมีเงินได้สุทธิเกิน 150,000 บาทต่อปี จะต้องยื่นภาษี
    • มีคู่สมรส: หากมีเงินได้สุทธิรวมกันเกิน 300,000 บาทต่อปี จะต้องยื่นภาษี
  • บุคคลธรรมดาที่มีเงินได้ประเภทอื่นๆ นอกเหนือจาก 1 และ 2:
    • โสด: หากมีเงินได้สุทธิเกิน 60,000 บาทต่อปี จะต้องยื่นภาษี
    • มีคู่สมรส: หากมีเงินได้สุทธิรวมกันเกิน 120,000 บาทต่อปี จะต้องยื่นภาษี

ข้อควรจำ: ตัวเลขเหล่านี้เป็นเพียงเกณฑ์รายได้สุทธิขั้นต่ำที่ต้องยื่นภาษีเท่านั้น หากคุณมีรายได้ถึงเกณฑ์ดังกล่าว คุณต้องยื่นภาษี ไม่ว่าคุณจะต้องเสียภาษีหรือไม่ก็ตาม!

มากกว่าแค่ยื่นภาษี: เคล็ดลับวางแผนภาษีที่คุณอาจไม่เคยรู้!

การเสียภาษีไม่ใช่แค่หน้าที่ แต่เป็นโอกาสในการวางแผนการเงินให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น รู้หรือไม่ว่ามีค่าลดหย่อนและสิทธิประโยชน์ทางภาษีมากมายที่คุณอาจมองข้ามไป?

  • สำรวจค่าลดหย่อนให้ละเอียด: นอกเหนือจากค่าลดหย่อนส่วนตัวและคู่สมรสแล้ว ยังมีค่าลดหย่อนอื่นๆ อีกมากมาย เช่น ค่าลดหย่อนบุตร ค่าเลี้ยงดูบิดามารดา ค่าเบี้ยประกันชีวิต ค่าซื้อหน่วยลงทุนในกองทุนรวมต่างๆ (เช่น RMF, SSF) ค่าบริจาคเพื่อการกุศล และอื่นๆ อีกมากมาย ศึกษาเงื่อนไขและหลักเกณฑ์ของแต่ละรายการให้ละเอียด เพื่อใช้สิทธิลดหย่อนให้เต็มที่
  • ใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษีให้คุ้มค่า: รัฐบาลมักออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่มาพร้อมกับสิทธิประโยชน์ทางภาษีต่างๆ เช่น โครงการ “ช้อปดีมีคืน” ซึ่งให้คุณสามารถนำค่าใช้จ่ายจากการซื้อสินค้าและบริการบางประเภทมาลดหย่อนภาษีได้ ติดตามข่าวสารและประกาศต่างๆ เพื่อไม่พลาดโอกาสในการใช้สิทธิเหล่านี้
  • วางแผนการลงทุนเพื่อลดหย่อนภาษี: การลงทุนในกองทุนรวม RMF และ SSF นอกจากจะช่วยสร้างผลตอบแทนในระยะยาวแล้ว ยังสามารถนำมาลดหย่อนภาษีได้อีกด้วย พิจารณาลงทุนในกองทุนเหล่านี้ให้เหมาะสมกับเป้าหมายทางการเงินของคุณ เพื่อให้ได้ประโยชน์ทั้งในด้านการลงทุนและด้านภาษี
  • ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านภาษี: หากคุณรู้สึกว่าเรื่องภาษีเป็นเรื่องที่ซับซ้อนและยุ่งยาก การปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านภาษีเป็นทางเลือกที่ดี พวกเขาจะสามารถให้คำแนะนำเฉพาะบุคคล ช่วยคุณวางแผนภาษีได้อย่างมีประสิทธิภาพ และลดความเสี่ยงในการทำผิดพลาดทางภาษี

สรุป:

การวางแผนภาษีอย่างชาญฉลาดไม่ใช่เรื่องยาก เพียงแค่คุณทำความเข้าใจเกี่ยวกับเกณฑ์รายได้ที่ต้องเสียภาษี ศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับค่าลดหย่อนและสิทธิประโยชน์ทางภาษีต่างๆ และปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเมื่อจำเป็น เพียงเท่านี้ คุณก็สามารถประหยัดเงินในกระเป๋าได้อย่างมีประสิทธิภาพ และมีเงินเหลือไปต่อยอดในการลงทุนหรือใช้จ่ายในสิ่งที่คุณต้องการได้มากยิ่งขึ้น เริ่มวางแผนภาษีของคุณตั้งแต่วันนี้ เพื่ออนาคตทางการเงินที่มั่นคงและยั่งยืน!