อาหารเป็นพิษควรกินยาอะไร

1 การดู

คำแนะนำใหม่:

หากเกิดอาหารเป็นพิษ มักจะหายเองภายใน 1-2 วัน ให้จิบน้ำเกลือแร่เพื่อป้องกันการขาดน้ำและเกลือแร่ หลีกเลี่ยงการจิบเกลือแร่สำหรับนักกีฬา อาจรับประทานยาแก้คลื่นไส้ได้

ข้อเสนอแนะ 0 การถูกใจ

อาหารเป็นพิษ: เมื่อท้องไส้ไม่เป็นใจ ควรดูแลอย่างไร?

อาหารเป็นพิษเป็นอาการที่เกิดขึ้นหลังจากรับประทานอาหารหรือเครื่องดื่มที่ปนเปื้อนเชื้อโรค สารพิษ หรือสารเคมีต่างๆ ส่งผลให้เกิดอาการไม่พึงประสงค์ตั้งแต่อาการ ringan อย่างคลื่นไส้ อาเจียน ไปจนถึงอาการรุนแรงที่ต้องได้รับการรักษาทางการแพทย์อย่างเร่งด่วน

ส่วนใหญ่แล้ว อาหารเป็นพิษมักจะหายได้เองภายใน 1-2 วัน ด้วยการดูแลตัวเองที่ถูกต้อง สิ่งสำคัญที่สุดคือการป้องกันการขาดน้ำและเกลือแร่ ซึ่งมักสูญเสียไปกับอาการอาเจียนและท้องเสีย ดังนั้น การจิบน้ำเกลือแร่ ORS (Oral Rehydration Salts) อย่างสม่ำเสมอจึงเป็นสิ่งจำเป็น น้ำเกลือแร่ ORS ช่วยทดแทนน้ำและเกลือแร่ที่ร่างกายสูญเสียไป มีจำหน่ายทั่วไปตามร้านขายยา

ข้อควรระวัง: ควรหลีกเลี่ยงการดื่มเกลือแร่สำหรับนักกีฬา เนื่องจากเกลือแร่ชนิดนี้ออกแบบมาสำหรับการออกกำลังกายหนัก มีปริมาณน้ำตาลและเกลือแร่ที่แตกต่างจาก ORS อาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนได้ในผู้ป่วยอาหารเป็นพิษ

นอกจากนี้ หากมีอาการคลื่นไส้ อาจรับประทานยาแก้คลื่นไส้ เช่น ไดเมนไฮดริเนต (Dimenhydrinate) ตามคำแนะนำของเภสัชกร

อย่างไรก็ตาม หากอาการไม่ดีขึ้นภายใน 2 วัน มีอาการรุนแรงขึ้น เช่น อาเจียนหรือถ่ายเป็นเลือด มีไข้สูง ปวดท้องอย่างรุนแรง อ่อนเพลียมาก หรือมีอาการขาดน้ำอย่างรุนแรง เช่น ปากแห้ง กระหายน้ำมาก ปัสสาวะน้อยลง ควรไปพบแพทย์ทันที เพื่อรับการวินิจฉัยและการรักษาที่เหมาะสม แพทย์อาจพิจารณาให้ยาปฏิชีวนะหรือยาอื่นๆ ตามความจำเป็น การวินิจฉัยที่รวดเร็วและการรักษาที่ถูกต้องจะช่วยป้องกันภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นได้

คำแนะนำเพิ่มเติม:

  • รับประทานอาหารอ่อนๆ ย่อยง่าย เช่น ข้าวต้ม โจ๊ก เมื่ออาการเริ่มดีขึ้น
  • หลีกเลี่ยงอาหารที่มีไขมันสูง อาหารรสจัด นม และคาเฟอีน ในช่วงที่ยังมีอาการอยู่
  • ล้างมือให้สะอาดทุกครั้งก่อนรับประทานอาหาร และหลังเข้าห้องน้ำ เพื่อป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อโรค
  • ให้ความสำคัญกับความสะอาดของอาหารและน้ำดื่ม เพื่อป้องกันการเกิดอาหารเป็นพิษ

บทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ข้อมูลทั่วไปเท่านั้น ไม่ใช่คำแนะนำทางการแพทย์ ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนรับประทานยาใดๆ