หลักการจําแนกประเภทของการวิจัย มีอะไรบ้าง

0 การดู

ข้อมูลที่ปรับปรุงใหม่:

การแบ่งประเภทการวิจัยตามระเบียบวิธีวิจัยมี 3 ประเภทหลัก ได้แก่

  • การวิจัยเชิงประวัติศาสตร์ ศึกษากิจกรรมและพฤติกรรมในอดีตเพื่อทำความเข้าใจปัจจุบัน
  • การวิจัยเชิงพรรณนา อธิบายและวิเคราะห์สถานการณ์หรือปรากฏการณ์ที่กำลังเกิดขึ้น
  • การวิจัยเชิงทดลอง ตรวจสอบความสัมพันธ์แบบเหตุและผลระหว่างตัวแปรโดยการควบคุมตัวแปรบางตัว
ข้อเสนอแนะ 0 การถูกใจ

หลักการจำแนกประเภทของการวิจัย: มิติที่หลากหลายของการแสวงหาความรู้

การวิจัยเป็นกระบวนการที่สำคัญยิ่งในการแสวงหาความรู้และความเข้าใจในโลกใบนี้ การจำแนกประเภทของการวิจัยจึงเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อให้สามารถเข้าใจขอบเขต วิธีการ และเป้าหมายของการวิจัยแต่ละประเภทได้อย่างชัดเจน การแบ่งประเภทนั้นไม่ได้มีเพียงวิธีเดียว แต่สามารถจำแนกได้หลายมิติ ขึ้นอยู่กับเกณฑ์ที่ใช้ในการพิจารณา บทความนี้จะนำเสนอหลักการจำแนกประเภทการวิจัยบางส่วนที่สำคัญ โดยเน้นมิติที่อาจไม่ค่อยถูกกล่าวถึงในแหล่งข้อมูลทั่วไป

1. การจำแนกตามวัตถุประสงค์ของการวิจัย: การจำแนกประเภทนี้มุ่งเน้นที่สิ่งที่การวิจัยต้องการบรรลุ ได้แก่

  • การวิจัยเชิงสำรวจ (Exploratory Research): มุ่งเน้นไปที่การสำรวจหัวข้อหรือปรากฏการณ์ใหม่ๆ ที่ยังไม่ค่อยมีการศึกษา เพื่อสร้างความเข้าใจเบื้องต้น ค้นหาคำถามวิจัย และกำหนดทิศทางการวิจัยในอนาคต มักใช้วิธีการเก็บรวบรวมข้อมูลเชิงคุณภาพ เช่น การสัมภาษณ์เชิงลึก หรือการศึกษาเชิงสำรวจความคิดเห็น

  • การวิจัยเชิงอธิบาย (Descriptive Research): มุ่งเน้นไปที่การอธิบายลักษณะเฉพาะของปรากฏการณ์หรือกลุ่มตัวอย่าง โดยการวัดและรายงานข้อมูลเชิงปริมาณหรือคุณภาพ เช่น การสำรวจความพึงพอใจของลูกค้า หรือการวิเคราะห์ลักษณะประชากรของกลุ่มเป้าหมาย

  • การวิจัยเชิงสัมพันธ์ (Correlational Research): มุ่งเน้นไปที่การตรวจสอบความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปรต่างๆ โดยไม่จำเป็นต้องพิสูจน์ความสัมพันธ์เชิงสาเหตุ เช่น การศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างการออกกำลังกายและสุขภาพ โดยไม่จำเป็นต้องพิสูจน์ว่าการออกกำลังกายทำให้สุขภาพดีขึ้นโดยตรง

  • การวิจัยเชิงทดลอง (Experimental Research): เป็นการวิจัยที่ควบคุมตัวแปรอิสระเพื่อศึกษาผลกระทบต่อตัวแปรตาม เพื่อทดสอบสมมติฐานเกี่ยวกับความสัมพันธ์เชิงสาเหตุ เช่น การทดลองยาชนิดใหม่เพื่อดูผลกระทบต่อโรค

2. การจำแนกตามวิธีการวิจัย: การจำแนกประเภทนี้มุ่งเน้นไปที่วิธีการรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่

  • การวิจัยเชิงคุณภาพ (Qualitative Research): มุ่งเน้นไปที่การศึกษาความหมาย ประสบการณ์ และมุมมองของผู้เข้าร่วม โดยใช้วิธีการรวบรวมข้อมูลเชิงลึก เช่น การสัมภาษณ์เชิงลึก การสังเกตการณ์ หรือการวิเคราะห์เอกสาร

  • การวิจัยเชิงปริมาณ (Quantitative Research): มุ่งเน้นไปที่การวัดและวิเคราะห์ข้อมูลเชิงตัวเลข เพื่อหาความสัมพันธ์ รูปแบบ และการทดสอบสมมติฐาน โดยใช้วิธีการทางสถิติ

3. การจำแนกตามขอบเขตการวิจัย: การจำแนกประเภทนี้มุ่งเน้นไปที่ขนาดและความครอบคลุมของการวิจัย ได้แก่

  • การวิจัยเชิงกรณีศึกษา (Case Study Research): มุ่งเน้นไปที่การศึกษาเชิงลึกของกรณีเฉพาะ อาจเป็นบุคคล องค์กร หรือเหตุการณ์

  • การวิจัยเชิงเปรียบเทียบ (Comparative Research): มุ่งเน้นไปที่การเปรียบเทียบกลุ่มหรือปรากฏการณ์ต่างๆ เพื่อหาความแตกต่างและความคล้ายคลึงกัน

นี่เป็นเพียงตัวอย่างบางส่วนของหลักการจำแนกประเภทการวิจัย ในความเป็นจริงแล้ว การวิจัยมักมีลักษณะที่ซับซ้อน และอาจมีลักษณะผสมผสานระหว่างประเภทต่างๆ การเลือกประเภทของการวิจัยจึงขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ คำถามวิจัย และทรัพยากรที่มีอยู่ การเข้าใจหลักการจำแนกประเภทต่างๆ จะช่วยให้สามารถออกแบบและดำเนินการวิจัยได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น