เด็กวัยเรียน 6-12 ปี ควรได้รับพลังงานเท่าไหร่ และสารอะไรบ้าง

พลังงานและสารอาหารสำคัญสำหรับเด็กวัยเรียน (6-12 ปี)

เด็กวัยเรียน 6-12 ปี กำลังอยู่ในช่วงเติบโตอย่างรวดเร็ว ทั้งร่างกายและสมอง การได้รับสารอาหารที่เหมาะสมจึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งต่อการพัฒนาที่แข็งแรงและการเรียนรู้ที่ดี แต่ปริมาณพลังงานและชนิดของสารอาหารที่เหมาะสมนั้นไม่ได้มีคำตอบเดียวที่ตายตัว ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง เช่น เพศ อายุ ขนาดร่างกาย และกิจกรรมประจำวัน

โดยทั่วไป เด็กวัยเรียน 6-12 ปี ต้องการพลังงานประมาณ 1,600-2,200 กิโลแคลอรีต่อวัน ปริมาณนี้สามารถแตกต่างกันอย่างมากขึ้นอยู่กับปัจจัยข้างต้น เด็กที่มีกิจกรรมร่างกายมากกว่า อาจต้องการพลังงานมากกว่าเด็กที่มีกิจกรรมน้อยกว่า และเด็กผู้ชายมักต้องการพลังงานมากกว่าเด็กผู้หญิงในช่วงอายุเดียวกัน

นอกจากปริมาณพลังงานแล้ว สารอาหารสำคัญหลายชนิดก็จำเป็นต่อการเจริญเติบโตและการพัฒนา สารอาหารเหล่านี้รวมถึง:

• คาร์โบไฮเดรต: เป็นแหล่งพลังงานหลัก มาจากข้าว แป้ง ข้าวโพด มันฝรั่ง ผลไม้ และผัก คาร์โบไฮเดรตที่ดีต่อสุขภาพจะช่วยให้ร่างกายมีพลังงานเพียงพอสำหรับกิจกรรมในแต่ละวัน และควรเลือกคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อนมากกว่าคาร์โบไฮเดรตอย่างง่าย แนะนำให้รับประทานคาร์โบไฮเดรต ประมาณ 4-6 ถ้วยตวง (สามารถวัดด้วยถ้วยตวงมาตรฐาน) ต่อวัน

• โปรตีน: ช่วยในการสร้างและซ่อมแซมเนื้อเยื่อ จำเป็นต่อการเจริญเติบโต โปรตีนมาจากเนื้อสัตว์ ไข่ นม ถั่ว และถั่วเหลือง แนะนำให้รับประทานโปรตีน ประมาณ 3-4 ถ้วยตวง ต่อวัน ซึ่งสามารถวัดได้จากปริมาณที่เหมาะสมต่อมื้ออาหาร

• ไขมัน: จำเป็นต่อการพัฒนาสมองและการทำงานของร่างกาย แต่ควรเลือกไขมันที่ดีต่อสุขภาพ เช่น ไขมันไม่อิ่มตัวจากน้ำมันปลา และน้ำมันมะกอก ไขมัน ประมาณ 1-2 ถ้วยตวง (สามารถวัดด้วยถ้วยตวงมาตรฐาน) ต่อวัน ก็เพียงพอต่อความต้องการ

• วิตามินและแร่ธาตุ: จำเป็นสำหรับการทำงานของร่างกายหลายอย่าง เช่น วิตามินซี วิตามินดี แคลเซียม เหล็ก สังกะสี และอื่นๆ แหล่งที่ดีของวิตามินและแร่ธาตุ ได้แก่ ผลไม้ ผัก เนื้อสัตว์ นม และผลิตภัณฑ์จากนม

• น้ำ: มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการทำงานของร่างกายทุกอย่าง เด็กวัยเรียนควรดื่มน้ำให้เพียงพอตลอดทั้งวัน

ตัวอย่างอาหารที่เหมาะสม:

การให้ปริมาณอาหารตามตัวอย่างในคำถามนั้นอาจไม่ครอบคลุมความต้องการด้านโภชนาการอย่างเต็มที่ การแนะนำให้รับประทานอาหารหลากหลายชนิดและมีการวางแผนรับประทานอาหารอย่างเหมาะสมจะช่วยให้เด็กได้รับสารอาหารครบถ้วน และควรปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญด้านโภชนาการเพื่อหาคำแนะนำที่เฉพาะเจาะจงสำหรับเด็กแต่ละคน

ข้อควรระวัง: บทความนี้มีไว้เพื่อให้ข้อมูลทั่วไปเท่านั้น ควรปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญด้านโภชนาการสำหรับคำแนะนำที่เฉพาะเจาะจงและเหมาะสมกับสภาวะของแต่ละบุคคล