ปวดท้องแสบๆบิดๆเกิดจากอะไร

ปวดท้องแสบๆ บิดๆ: มหันตภัยเงียบที่ต้องใส่ใจ

อาการปวดท้องแสบๆ บิดๆ เป็นความรู้สึกที่ไม่พึงประสงค์ที่ใครหลายคนเคยประสบพบเจอ บางครั้งมาเร็วไปเร็ว บางครั้งก็เรื้อรังสร้างความทรมานอย่างมาก อาการนี้ไม่ได้เป็นเพียงสัญญาณของ “ท้องเสีย” ทั่วไป แต่สามารถบ่งชี้ถึงปัญหาสุขภาพที่ซับซ้อนกว่านั้น

ทำไมถึงปวดท้องแสบๆ บิดๆ?

อาการปวดลักษณะนี้มักเกิดจากการระคายเคืองของเยื่อบุทางเดินอาหาร ไม่ว่าจะเป็นกระเพาะอาหาร ลำไส้เล็ก หรือลำไส้ใหญ่ สาเหตุที่เป็นไปได้นั้นมีมากมาย ดังนี้

• อาหารและเครื่องดื่ม: อาหารรสจัด เผ็ดจัด เปรี้ยวจัด ของทอด อาหารมัน เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ชา กาแฟ ล้วนเป็นตัวกระตุ้นชั้นดีที่ทำให้เกิดการระคายเคือง และเพิ่มปริมาณกรดในกระเพาะอาหาร

• ภาวะกรดไหลย้อน: กรดจากกระเพาะอาหารไหลย้อนขึ้นมาในหลอดอาหาร ทำให้เกิดอาการแสบร้อนกลางอก และปวดท้องบริเวณลิ้นปี่

• กระเพาะอาหารอักเสบ: การอักเสบของเยื่อบุกระเพาะอาหาร อาจเกิดจากเชื้อแบคทีเรีย (Helicobacter pylori) การใช้ยาแก้ปวดกลุ่ม NSAIDs เป็นเวลานาน หรือความเครียด

• ลำไส้แปรปรวน (IBS): โรคที่ส่งผลต่อการทำงานของลำไส้ ทำให้เกิดอาการปวดท้อง ท้องเสีย ท้องผูก หรือท้องผูกสลับท้องเสีย

• การติดเชื้อในทางเดินอาหาร: การติดเชื้อไวรัส แบคทีเรีย หรือปรสิต สามารถทำให้เกิดอาการปวดท้อง บิดเกร็ง ท้องเสีย อาเจียน

• โรคอื่นๆ: ในบางกรณี อาการปวดท้องแสบๆ บิดๆ อาจเป็นสัญญาณของโรคที่ร้ายแรงกว่า เช่น นิ่วในถุงน้ำดี ตับอ่อนอักเสบ หรือมะเร็งในระบบทางเดินอาหาร

สัญญาณที่ต้องรีบพบแพทย์

อาการปวดท้องแสบๆ บิดๆ ที่มาพร้อมกับอาการเหล่านี้ ควรรีบปรึกษาแพทย์โดยด่วน:

• ปวดท้องรุนแรง ทนไม่ได้
• มีไข้สูง หนาวสั่น
• อาเจียนเป็นเลือด หรือถ่ายอุจจาระเป็นสีดำ
• น้ำหนักลดโดยไม่มีสาเหตุ
• คลำเจอก้อนในท้อง

การดูแลตัวเองเบื้องต้น

หากอาการไม่รุนแรง สามารถลองดูแลตัวเองเบื้องต้นได้ดังนี้:

• ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกิน: หลีกเลี่ยงอาหารและเครื่องดื่มที่กระตุ้นอาการ
• ทานอาหารอ่อนๆ: เช่น ข้าวต้ม โจ๊ก
• จิบน้ำบ่อยๆ: เพื่อป้องกันภาวะขาดน้ำ
• พักผ่อนให้เพียงพอ: ลดความเครียด

บทสรุป

อาการปวดท้องแสบๆ บิดๆ ไม่ควรมองข้าม เพราะอาจเป็นสัญญาณเตือนถึงปัญหาสุขภาพที่ซ่อนอยู่ การสังเกตอาการอย่างละเอียด และปรึกษาแพทย์เมื่อจำเป็น จะช่วยให้วินิจฉัยและรักษาได้อย่างทันท่วงที เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีในระยะยาว