SGOT SGPT คือค่าอะไร

3 การดู

ค่า ALT (SGPT) และ AST (SGOT) เป็นเอนไซม์บ่งชี้สุขภาพตับ หากสูงเกิน 40 IU/L อาจบ่งชี้การอักเสบ ตับมีความสามารถในการฟื้นฟูตัวเอง แต่การอักเสบเรื้อรังจะนำไปสู่พังผืด ทำให้การทำงานของตับแย่ลง การดูแลสุขภาพตับจึงสำคัญเพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อนในระยะยาว

ข้อเสนอแนะ 0 การถูกใจ

ค่า SGOT และ SGPT: กุญแจไขความลับสุขภาพตับของคุณ

ค่า SGOT (Aspartate aminotransferase) และ SGPT (Alanine aminotransferase) หรือที่รู้จักกันในชื่อ AST และ ALT ตามลำดับ เป็นเอนไซม์ที่พบในเซลล์ของตับ การตรวจวัดระดับเอนไซม์เหล่านี้ในเลือดเป็นเครื่องมือสำคัญที่แพทย์ใช้ในการประเมินสุขภาพของตับ เนื่องจากตับทำหน้าที่สำคัญมากมายในร่างกาย การตรวจสอบสุขภาพตับจึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งต่อการดูแลสุขภาพโดยรวม

ระดับ SGOT และ SGPT ที่อยู่ในเกณฑ์ปกติบ่งชี้ว่าตับทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ อย่างไรก็ตาม เมื่อเซลล์ตับได้รับความเสียหาย เช่น จากการอักเสบ การติดเชื้อ หรือโรคตับต่างๆ เอนไซม์เหล่านี้จะรั่วไหลออกมาสู่กระแสเลือด ทำให้ระดับ SGOT และ SGPT ในเลือดสูงขึ้น โดยทั่วไป ระดับที่สูงกว่า 40 IU/L ถือเป็นค่าที่ผิดปกติและอาจบ่งชี้ถึงปัญหาเกี่ยวกับตับ แต่ควรตีความผลร่วมกับปัจจัยอื่นๆ และการตรวจวินิจฉัยเพิ่มเติมจากแพทย์

ความแตกต่างและความสำคัญของ SGOT และ SGPT:

แม้ว่าทั้ง SGOT และ SGPT จะเป็นตัวบ่งชี้ความเสียหายของตับ แต่ก็มีความแตกต่างกันเล็กน้อย SGPT (ALT) พบได้มากในตับมากกว่า SGOT (AST) ดังนั้น การเพิ่มขึ้นของ ALT จึงมีความจำเพาะต่อตับมากกว่า AST อย่างไรก็ตาม AST พบได้ในอวัยวะอื่นๆ เช่น หัวใจ กล้ามเนื้อ และไต ดังนั้น ระดับ AST ที่สูงอาจบ่งชี้ถึงปัญหาในอวัยวะเหล่านี้ด้วย แพทย์จึงพิจารณาระดับของทั้งสองเอนไซม์ร่วมกัน เพื่อทำการวินิจฉัยที่ถูกต้องแม่นยำ

สาเหตุที่ทำให้ระดับ SGOT และ SGPT สูงขึ้น:

หลายปัจจัยสามารถทำให้ระดับ SGOT และ SGPT สูงขึ้นได้ รวมถึง:

  • โรคตับอักเสบ: เช่น โรคตับอักเสบไวรัส A, B, C
  • โรคตับแข็ง: เป็นภาวะที่เนื้อตับแข็งตัวและสูญเสียการทำงาน
  • โรคไขมันพอกตับ: การสะสมของไขมันในตับมากเกินไป
  • การดื่มแอลกอฮอล์มากเกินไป: แอลกอฮอล์เป็นพิษต่อตับ
  • การใช้ยาบางชนิด: ยาบางชนิดอาจทำให้เกิดความเสียหายต่อตับ
  • ภาวะไม่สมดุลของธาตุเหล็กหรือทองแดงในร่างกาย: อาจนำไปสู่การสะสมและสร้างความเสียหายต่อตับ
  • การติดเชื้อไวรัสอื่นๆ: ที่อาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนต่อตับ

ความสำคัญของการดูแลสุขภาพตับ:

ตับมีความสามารถในการฟื้นฟูตัวเองได้ แต่หากมีการอักเสบเรื้อรัง การฟื้นฟูจะไม่สามารถเกิดขึ้นได้อย่างสมบูรณ์ ซึ่งจะนำไปสู่การเกิดพังผืดในตับ ทำให้การทำงานของตับแย่ลงเรื่อยๆ และอาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนที่ร้ายแรง เช่น โรคตับแข็ง มะเร็งตับ และภาวะตับวาย การดูแลสุขภาพตับอย่างถูกวิธีจึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง ซึ่งรวมถึงการรับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพ การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ การหลีกเลี่ยงแอลกอฮอล์ และการตรวจสุขภาพประจำปีเพื่อตรวจหาความผิดปกติของตับในระยะเริ่มต้น

บทสรุป:

ค่า SGOT และ SGPT เป็นตัวชี้วัดสุขภาพตับที่สำคัญ การตรวจวัดระดับเอนไซม์เหล่านี้ช่วยให้แพทย์สามารถตรวจสอบภาวะผิดปกติของตับได้อย่างทันท่วงที การดูแลสุขภาพตับอย่างต่อเนื่อง ควบคู่กับการตรวจสุขภาพประจำปี จะช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคตับต่างๆ และรักษาสุขภาพให้แข็งแรงได้อย่างยั่งยืน หากมีข้อสงสัยหรือพบความผิดปกติใดๆ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับการตรวจวินิจฉัยและรับคำแนะนำที่เหมาะสมต่อไป