SGOT(AST) คือค่าอะไร
ข้อแนะนำใหม่:
ค่า AST (SGOT) เป็นเอนไซม์ที่พบในตับและอวัยวะอื่น ๆ การตรวจ AST ช่วยประเมินความเสียหายของตับและอาจบ่งชี้ถึงภาวะตับอักเสบ ตับแข็ง หรือโรคอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับตับ หากมีอาการผิดปกติ เช่น อ่อนเพลีย ตัวเหลือง ควรปรึกษาแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยเพิ่มเติม
AST (SGOT): สะท้อนสุขภาพตับของคุณอย่างเงียบๆ
AST หรือ Aspartate aminotransferase เดิมเรียกว่า SGOT (Serum Glutamic-Oxaloacetic Transaminase) เป็นเอนไซม์ชนิดหนึ่งที่พบได้ในเซลล์ต่างๆ ของร่างกาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตับ หัวใจ กล้ามเนื้อโครงร่าง ไต และสมอง แม้จะกระจายอยู่หลายอวัยวะ แต่ระดับ AST ในเลือดที่สูงผิดปกติมักบ่งชี้ถึงความเสียหายหรือการอักเสบของเซลล์ในอวัยวะเหล่านั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งตับ ซึ่งเป็นแหล่งสะสม AST ที่สำคัญที่สุด
การตรวจวัดระดับ AST ในเลือดจึงเป็นเครื่องมือสำคัญที่แพทย์ใช้ในการประเมินสุขภาพตับ เมื่อเซลล์ตับถูกทำลาย เช่น จากโรคตับอักเสบ ตับแข็ง การดื่มแอลกอฮอล์มากเกินไป หรือความเสียหายจากยา เอนไซม์ AST จะถูกปล่อยออกมาในกระแสเลือด ทำให้ระดับ AST เพิ่มสูงขึ้น ค่า AST ที่สูงจึงเป็นสัญญาณเตือนที่สำคัญว่าตับอาจกำลังประสบปัญหา
อย่างไรก็ตาม การตรวจวัด AST เพียงอย่างเดียวไม่เพียงพอที่จะวินิจฉัยโรคได้อย่างแม่นยำ เนื่องจากหลายโรคสามารถทำให้ระดับ AST สูงได้ แพทย์จึงต้องพิจารณาผลการตรวจร่วมกับข้อมูลอื่นๆ เช่น อาการของผู้ป่วย ประวัติสุขภาพ ผลการตรวจเลือดอื่นๆ (เช่น ALT, ALP, Bilirubin) และการตรวจเพิ่มเติม เช่น อัลตราซาวนด์ตับ เพื่อให้ได้ภาพรวมที่ชัดเจนและวินิจฉัยโรคได้อย่างถูกต้อง
ระดับ AST ที่ปกติแตกต่างกันไปตามห้องปฏิบัติการ แต่โดยทั่วไปแล้วจะอยู่ในช่วง 8-48 IU/L หากระดับ AST สูงเกินกว่าช่วงปกติ อาจบ่งชี้ถึงภาวะต่อไปนี้:
- โรคตับอักเสบ: ทั้งไวรัสและไม่ใช่ไวรัส เช่น ตับอักเสบจากแอลกอฮอล์ ตับอักเสบจากยา
- ตับแข็ง: ภาวะที่ตับถูกทำลายอย่างรุนแรงและเกิดการแข็งตัว
- โรคตับไขมัน: การสะสมของไขมันในตับ
- มะเร็งตับ: เซลล์มะเร็งทำลายเซลล์ตับ
- ความเสียหายของหัวใจ: เช่น กล้ามเนื้อหัวใจตาย (Heart attack)
- ความเสียหายของกล้ามเนื้อโครงร่าง: เช่น จากการบาดเจ็บ การออกกำลังกายหนัก
- ภาวะไตวาย: ในบางกรณี
การตีความผลการตรวจระดับ AST ต้องอาศัยความเชี่ยวชาญของแพทย์ หากคุณมีอาการผิดปกติที่เกี่ยวข้องกับตับ เช่น อ่อนเพลีย ปวดท้องด้านขวาบน ตาเหลือง ผิวเหลือง ปัสสาวะสีเข้ม หรืออุจจาระสีซีด ควรปรึกษาแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัย อย่าพยายามวินิจฉัยตนเองจากผลการตรวจเลือดเพียงอย่างเดียว
บทความนี้มีจุดประสงค์เพื่อให้ความรู้เบื้องต้นเท่านั้น ไม่ใช่คำแนะนำทางการแพทย์ โปรดปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพเพื่อรับคำแนะนำที่เหมาะสมกับสภาวะสุขภาพของคุณ
#Sgot#ตับ#เอนไซม์ข้อเสนอแนะสำหรับคำตอบ:
ขอบคุณที่ให้ข้อเสนอแนะ! ข้อเสนอแนะของคุณมีความสำคัญต่อการปรับปรุงคำตอบในอนาคต