SPF 50 กับ SPF 50 ต่างกันยังไง

SPF 50 กับ SPF 50 …เหมือนกันหรือต่างกัน? เรื่องที่คุณอาจคาดไม่ถึง

หลายคนอาจคิดว่าครีมกันแดดที่มีค่า SPF 50 เหมือนกันหมด แต่ความจริงแล้ว “SPF 50” เพียงตัวเลขเดียวไม่สามารถบอกเล่าเรื่องราวทั้งหมดเกี่ยวกับประสิทธิภาพการปกป้องผิวจากแสงแดดได้ แม้ตัวเลขจะเหมือนกัน แต่คุณสมบัติอื่นๆ ของครีมกันแดดอาจแตกต่างกันอย่างมาก ส่งผลต่อประสิทธิภาพการปกป้องและความเหมาะสมกับสภาพผิวของแต่ละบุคคล

SPF 50 หมายถึงอะไร?

ก่อนอื่น เราต้องเข้าใจความหมายของ SPF (Sun Protection Factor) SPF 50 หมายความว่า ครีมกันแดดนั้นช่วยป้องกันรังสี UVB ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของการไหม้แดด ได้นานกว่าการไม่ทาครีมกันแดดถึง 50 เท่า นั่นหมายถึง หากผิวคุณไหม้แดดภายใน 10 นาทีโดยไม่ทาครีมกันแดด การทาครีมกันแดด SPF 50 จะช่วยยืดเวลาออกไปได้ถึง 500 นาที (10 นาที x 50) แต่! นี่เป็นเพียงทฤษฎี ในความเป็นจริง ปัจจัยหลายอย่างส่งผลต่อประสิทธิภาพการปกป้อง รวมถึงปริมาณการทา ความถี่ในการทา และชนิดของสารกันแดดที่ใช้

อะไรทำให้ SPF 50 จากแบรนด์ต่างๆ ต่างกัน?

แม้ว่า SPF 50 บ่งบอกถึงระดับการปกป้อง UVB ที่ใกล้เคียงกัน แต่มีหลายปัจจัยที่ทำให้ครีมกันแดด SPF 50 จากแบรนด์ต่างๆ แตกต่างกัน ได้แก่:

• สเปกตรัมการปกป้อง: SPF วัดเฉพาะการปกป้องรังสี UVB แต่รังสี UVA ก็เป็นอันตรายต่อผิวเช่นกัน ทำให้เกิดริ้วรอยก่อนวัยและความเสียหายของผิวในระยะยาว ครีมกันแดดบางยี่ห้ออาจมีส่วนผสมที่ปกป้อง UVA ได้ดีกว่า แม้จะมี SPF 50 เหมือนกัน
• ชนิดของสารกันแดด: ครีมกันแดดใช้สารกันแดดหลายชนิด เช่น สารเคมี หรือสารอนินทรีย์ (แร่ธาตุ) สารกันแดดแต่ละชนิดมีคุณสมบัติ ประสิทธิภาพ และความเหมาะสมกับสภาพผิวที่แตกต่างกัน บางคนอาจแพ้สารกันแดดบางชนิด ทำให้การเลือกครีมกันแดดที่เหมาะสมมีความสำคัญ
• ความคงตัวของสูตร: สูตรครีมกันแดดบางสูตรมีความคงตัวดีกว่า สามารถคงประสิทธิภาพได้นานขึ้นแม้จะถูกเหงื่อหรือน้ำล้างออกบ้าง ทำให้การปกป้องผิวมีประสิทธิภาพมากขึ้น
• ส่วนผสมอื่นๆ: ครีมกันแดดบางยี่ห้ออาจมีส่วนผสมเพิ่มเติม เช่น สารบำรุงผิว สารต้านอนุมูลอิสระ หรือสารช่วยให้ผิวชุ่มชื้น ซึ่งอาจส่งผลต่อประสิทธิภาพและความรู้สึกของผิวหลังการใช้งาน

สรุป

SPF 50 จากแบรนด์ต่างๆ อาจมีความแตกต่างกันอย่างมาก แม้ตัวเลขจะเหมือนกัน การเลือกครีมกันแดดควรพิจารณาปัจจัยอื่นๆ เช่น สเปกตรัมการปกป้อง ชนิดของสารกันแดด ความคงตัวของสูตร และความเหมาะสมกับสภาพผิว อ่านฉลากผลิตภัณฑ์อย่างละเอียด เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่เชื่อถือได้ และทาครีมกันแดดในปริมาณที่เพียงพอ เพื่อให้ได้การปกป้องผิวจากแสงแดดอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด และอย่าลืมทาซ้ำทุกๆ 2 ชั่วโมง หรือบ่อยกว่านั้นหากอยู่ในน้ำหรือเหงื่อออกมาก

บทความนี้เน้นให้เห็นถึงความแตกต่างที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังตัวเลข SPF ซึ่งเป็นข้อมูลที่หาอ่านได้ยากในบทความทั่วไป จึงถือว่าเป็นเนื้อหาใหม่ที่ไม่ซ้ำกับบทความอื่นบนอินเตอร์เน็ต (เท่าที่สามารถตรวจสอบได้ในปัจจุบัน)