หลักการชดใช้ค่าสินไหม

หลักการชดใช้ค่าสินไหม: คืนสภาพ ไม่ใช่แสวงหากำไร

หลักการชดใช้ค่าสินไหมประกันภัย คือหัวใจสำคัญที่ขับเคลื่อนระบบประกันภัยทั้งหมด โดยมีเป้าหมายหลักเพื่อ “คืนสภาพผู้เอาประกันภัยให้กลับสู่ฐานะเดิมก่อนเกิดเหตุการณ์ที่เอาประกันภัยมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไป” ไม่ได้มุ่งหวังให้ผู้เอาประกันภัยได้กำไรจากความเสียหายที่เกิดขึ้น เปรียบเสมือนการเยียวยาบาดแผล ไม่ใช่การฉวยโอกาสจากความโชคร้าย

ดังนั้น การพิจารณาจ่ายค่าสินไหมทดแทน จึงต้องยึดถือ “มูลค่าความเสียหายจริง ณ ขณะที่เกิดเหตุ” เป็นหลัก ซึ่งอาจพิจารณาจากหลายปัจจัยประกอบกัน เช่น ราคาตลาด ค่าเสื่อมราคา สภาพการใช้งานก่อนเกิดเหตุ และต้นทุนในการซ่อมแซมหรือทดแทน โดยหลีกเลี่ยงการจ่ายค่าสินไหมทดแทนที่เกินกว่าความเสียหายจริง เพื่อป้องกันการแสวงหาผลประโยชน์โดยมิชอบ และรักษาเสถียรภาพของระบบประกันภัย

วิธีการชดใช้ค่าสินไหมทดแทนนั้นมีความหลากหลาย ขึ้นอยู่กับลักษณะของกรมธรรม์ประกันภัย ข้อตกลงระหว่างผู้เอาประกันภัยและบริษัทประกันภัย รวมถึงความเหมาะสมในแต่ละกรณี โดยทั่วไปแล้ว การชดใช้ค่าสินไหมทดแทนสามารถแบ่งออกได้เป็น 3 รูปแบบหลัก คือ

1. การจ่ายเป็นเงินสด: เป็นวิธีที่นิยมใช้กันมากที่สุด โดยบริษัทประกันภัยจะประเมินมูลค่าความเสียหาย และจ่ายเงินจำนวนนั้นให้แก่ผู้เอาประกันภัย เพื่อนำไปซ่อมแซมหรือซื้อสิ่งของใหม่ทดแทนด้วยตนเอง

2. การซ่อมแซม: ในกรณีที่สิ่งของที่เอาประกันภัยได้รับความเสียหาย แต่ยังสามารถซ่อมแซมให้กลับมาใช้งานได้ บริษัทประกันภัยอาจเลือกวิธีการซ่อมแซมให้ โดยอาจดำเนินการผ่านอู่ซ่อมหรือผู้รับเหมาที่ได้รับการแต่งตั้งจากบริษัทประกันภัย

3. การเปลี่ยนสิ่งของใหม่ที่เทียบเท่า: ในกรณีที่สิ่งของที่เอาประกันภัยได้รับความเสียหายอย่างหนักจนไม่สามารถซ่อมแซมได้ หรือค่าซ่อมแซมสูงเกินกว่ามูลค่าของสิ่งของ บริษัทประกันภัยอาจเลือกวิธีการเปลี่ยนสิ่งของใหม่ที่เทียบเท่าให้แก่ผู้เอาประกันภัย

การเข้าใจหลักการชดใช้ค่าสินไหมทดแทนอย่างถ่องแท้ จะช่วยให้ผู้เอาประกันภัยมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับสิทธิประโยชน์ที่พึงได้รับ และสามารถดำเนินการเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนได้อย่างถูกต้องและเป็นธรรม รวมถึงช่วยสร้างความโปร่งใสและความเชื่อมั่นในระบบประกันภัยโดยรวม.