ทำไมถึงเรียก 1 ทุ่ม
การเรียกเวลา ทุ่ม ในภาษาไทยเริ่มใช้ในสมัยรัชกาลที่ 4 เพื่อแยกแยะเวลาช่วงกลางคืนออกจากช่วงกลางวัน ซึ่งนับเป็น โมง การกำหนดวิธีการนับเวลาแบบนี้ทำให้เกิดความเข้าใจตรงกันในสังคมไทย และยังคงใช้มาจนถึงปัจจุบัน สะท้อนให้เห็นถึงความเป็นระบบของการนับเวลาในอดีตของไทย.
ยามเย็นย่ำค่ำ…ทำไมเราเรียก “ทุ่ม”
เสียงนาฬิกาบอกเวลา 18.00 น. เราคุ้นเคยกับการเรียกเวลาช่วงนี้ว่า “หนึ่งทุ่ม” แต่เคยสงสัยกันไหมว่าคำว่า “ทุ่ม” นั้นมาจากไหน? ทำไมไม่เรียก “หนึ่งโมงเย็น” เหมือนภาษาอังกฤษที่ใช้คำว่า “six o’clock PM” หรือภาษาอื่นๆ ที่มีการแบ่งเวลาแบบชัดเจนกว่า? คำตอบนั้นซ่อนอยู่เบื้องหลังประวัติศาสตร์และความคิดทางวัฒนธรรมของไทย
ความจริงแล้ว การใช้คำว่า “ทุ่ม” ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ หรือเพียงการเรียกขานแบบสุ่มสี่สุ่มห้า แต่สะท้อนให้เห็นถึงระบบการนับเวลาที่ชาญฉลาดและเป็นระบบของบรรพบุรุษ ซึ่งมีรากฐานมาจากการสังเกตธรรมชาติและการดำเนินชีวิตประจำวันของคนไทยในอดีต
ก่อนสมัยรัชกาลที่ 4 การนับเวลาของไทยใช้ระบบ “โมง” เป็นหลัก ซึ่งครอบคลุมทั้งกลางวันและกลางคืน ทำให้เกิดความสับสนได้ง่าย โดยเฉพาะเมื่อต้องการระบุเวลาในยามค่ำคืน การใช้คำว่า “โมง” เพียงอย่างเดียวอาจทำให้เกิดความคลุมเครือ ไม่สามารถบอกได้อย่างชัดเจนว่าเป็นช่วงเวลาใดของวัน
เพื่อแก้ไขปัญหาความคลุมเครือนี้ ในสมัยรัชกาลที่ 4 จึงมีการนำระบบการนับเวลาแบบใหม่เข้ามาใช้ โดยแยกเวลาออกเป็นสองช่วงหลัก คือ ช่วงกลางวันใช้ “โมง” และช่วงกลางคืนใช้ “ทุ่ม” เป็นการกำหนดคำศัพท์เฉพาะเพื่อความชัดเจน ป้องกันความสับสน และอำนวยความสะดวกในการสื่อสาร นับเป็นการวางระบบการนับเวลาที่แสดงให้เห็นถึงความรอบคอบและความเข้าใจในบริบทการใช้ภาษาอย่างลึกซึ้ง
คำว่า “ทุ่ม” แม้ปัจจุบันจะไม่มีหลักฐานที่แน่ชัดว่ามาจากคำใดโดยตรง แต่สันนิษฐานได้ว่าน่าจะเกี่ยวข้องกับการ “ทุ่มเท” หรือการ “ทุ่ม” สิ่งต่างๆ ลงไป อาจหมายถึงการทุ่มเทเวลาให้กับกิจกรรมต่างๆ ในยามค่ำคืน หรือการทุ่มแสงสว่างของดวงอาทิตย์ลงสู่ขอบฟ้า ซึ่งสอดคล้องกับช่วงเวลาที่เริ่มนับเป็น “ทุ่ม” นั่นคือ หลังพระอาทิตย์ตกดิน ความหมายที่แท้จริงอาจซ่อนอยู่ในความรู้สึกและการรับรู้ของคนในยุคนั้น ซึ่งถ่ายทอดมาสู่การใช้คำในปัจจุบัน
ดังนั้น การเรียกเวลา 1 ทุ่ม จึงไม่ใช่เพียงแค่การเรียกเวลาตามตัวเลข แต่เป็นการสืบทอดระบบการนับเวลาที่ชาญฉลาดและเป็นระบบ ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงภูมิปัญญาของบรรพบุรุษไทย และความพยายามในการสร้างความเข้าใจตรงกันในสังคม ซึ่งแม้เวลาจะเปลี่ยนไป แต่คำว่า “ทุ่ม” ก็ยังคงอยู่คู่กับสังคมไทย เป็นเครื่องเตือนใจถึงความงดงามและความลึกซึ้งของภาษาไทย และเป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่ควรค่าแก่การอนุรักษ์ไว้ต่อไป
#กลางคืน#ทำไม#เวลาข้อเสนอแนะสำหรับคำตอบ:
ขอบคุณที่ให้ข้อเสนอแนะ! ข้อเสนอแนะของคุณมีความสำคัญต่อการปรับปรุงคำตอบในอนาคต