คดีอุบัติเหตุรถชนมีอายุความกี่ปี

1 การดู

กรณีอุบัติเหตุรถชน ค่าปรับจะขึ้นอยู่กับความรุนแรง เช่น บาดเจ็บเล็กน้อย ปรับไม่เกิน 10,000 บาท เสียชีวิต ปรับไม่เกิน 200,000 บาท และอาจมีโทษจำคุกหากทำให้ผู้อื่นบาดเจ็บหรือเสียชีวิต

ข้อเสนอแนะ 0 การถูกใจ

อายุความคดีอุบัติเหตุรถชน และบทลงโทษที่ควรรู้

อุบัติเหตุรถชนเป็นเรื่องไม่คาดฝันที่เกิดขึ้นได้กับทุกคน นอกจากความเสียหายต่อทรัพย์สินและร่างกายแล้ว ยังมีเรื่องของกระบวนการทางกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ซึ่งหลายคนอาจยังไม่ทราบถึงรายละเอียด โดยเฉพาะเรื่อง “อายุความ” ซึ่งเป็นระยะเวลาที่กฎหมายกำหนดให้ผู้เสียหายสามารถฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายจากผู้กระทำผิดได้ หากพ้นกำหนดเวลาดังกล่าว แม้ผู้เสียหายจะมีสิทธิเรียกร้องทางแพ่ง แต่ก็ไม่สามารถฟ้องร้องทางอาญาได้อีกต่อไป

สำหรับคดีอุบัติเหตุรถชน อายุความจะแตกต่างกันไปตามความรุนแรงของเหตุการณ์ โดยแบ่งออกเป็นดังนี้

  • กรณีความผิดฐานประมาททำให้ผู้อื่นได้รับบาดเจ็บ (มาตรา 297 และ 300 แห่งประมวลกฎหมายอาญา) มีอายุความ 1 ปี นับแต่วันที่ผู้เสียหายรู้ตัวผู้กระทำความผิดและรู้เรื่องความผิด และไม่เกิน 10 ปี นับแต่วันเกิดเหตุ

  • กรณีความผิดฐานประมาททำให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย (มาตรา 291 แห่งประมวลกฎหมายอาญา) มีอายุความ 10 ปี นับแต่วันเกิดเหตุ

ดังนั้น ผู้เสียหายควรดำเนินการแจ้งความและรวบรวมพยานหลักฐานให้ครบถ้วนโดยเร็วที่สุด เพื่อรักษาสิทธิในการเรียกร้องค่าเสียหายทางแพ่งและทางอาญา และไม่ให้เสียสิทธิ์เพราะขาดอายุความ

ส่วนเรื่องค่าปรับที่หลายคนเข้าใจว่าขึ้นอยู่กับความรุนแรงของอุบัติเหตุนั้น ความจริงแล้วค่าปรับเป็นเพียงส่วนหนึ่งของบทลงโทษในคดีอาญา โดยศาลจะเป็นผู้กำหนดบทลงโทษตามความเหมาะสมของแต่ละกรณี ซึ่งนอกจากค่าปรับแล้วยังมีโทษจำคุกด้วย เช่น

  • กรณีประมาททำให้ผู้อื่นได้รับบาดเจ็บ มีโทษจำคุกไม่เกิน 1 เดือน หรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ หากเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายสาหัส โทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

  • กรณีประมาททำให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย มีโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี และปรับไม่เกิน 200,000 บาท

จะเห็นได้ว่า บทลงโทษไม่ได้ขึ้นอยู่กับค่าปรับเพียงอย่างเดียว แต่ขึ้นอยู่กับพฤติการณ์แห่งคดี ความร้ายแรงของผลที่เกิดขึ้น พฤติกรรมของผู้กระทำความผิด รวมถึงพยานหลักฐานต่างๆ ซึ่งศาลจะใช้ดุลพินิจในการพิจารณา

ดังนั้น การขับขี่อย่างระมัดระวัง ปฏิบัติตามกฎจราจรอย่างเคร่งครัด จึงเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในการป้องกันอุบัติเหตุ และลดความเสี่ยงที่จะต้องรับผิดทั้งทางแพ่งและทางอาญา.