กระเพาะอาหารมีการย่อยอาหารประเภทใดและมีการย่อยอย่างไร

2 การดู

กระเพาะอาหารย่อยอาหารโดยใช้กรดเกลือ (HCl) ทำลายโครงสร้างโปรตีนให้คลายตัว ทำให้ง่ายต่อการทำงานของเอนไซม์เพปซินที่ผลิตจากเพปซิโนเจน เพปซินจะย่อยโปรตีนให้เป็นเปปไทด์ขนาดเล็กลง กระบวนการนี้เป็นการย่อยเชิงเคมี ควบคู่ไปกับการบีบตัวของกระเพาะอาหารซึ่งเป็นการย่อยเชิงกล ช่วยคลุกเคล้าอาหารให้เข้ากับน้ำย่อยอย่างทั่วถึง

ข้อเสนอแนะ 0 การถูกใจ

กลไกการย่อยอาหารในกระเพาะอาหาร

กระเพาะอาหารมีบทบาทสำคัญในกระบวนการย่อยอาหาร โดยกระทำการย่อยอาหารส่วนใหญ่ในระบบทางเดินอาหารส่วนบน กระเพาะอาหารมีกลไกการย่อยอาหารที่ประกอบด้วยทั้งการย่อยทางเคมีและการย่อยทางกล

การย่อยทางเคมี

การย่อยทางเคมีในกระเพาะอาหารเกิดจากสารเคมีที่หลั่งออกมาจากเซลในผนังกระเพาะอาหาร สารเคมีเหล่านี้ได้แก่:

  • กรดเกลือ (HCl): กรดเกลือเป็นสารที่ทำให้ความเป็นกรดในกระเพาะอาหารต่ำมาก ซึ่งมีค่า pH ระหว่าง 1.5 ถึง 3.5 กรดเกลือมีหน้าที่ในการฆ่าเชื้อแบคทีเรียและทำลายโครงสร้างโปรตีนของอาหาร ทำให้โปรตีนคลายตัวและเตรียมพร้อมสำหรับการย่อยต่อไป
  • เพปซิโนเจน: เพปซิโนเจนเป็นเอนไซม์ที่ไม่ทำงานซึ่งหลั่งออกมาจากเซลในผนังกระเพาะอาหาร เมื่อเพปซิโนเจนเข้าสู่ความเป็นกรดต่ำในกระเพาะอาหาร เพปซิโนเจนจะถูกกระตุ้นให้เปลี่ยนเป็นเอนไซม์ที่ทำงานได้จริงที่เรียกว่าเพปซิน
  • เพปซิน: เพปซินเป็นเอนไซม์หลักที่ทำงานในการย่อยโปรตีน เพปซินจะย่อยพันธะเปปไทด์ในโปรตีน เปลี่ยนโปรตีนให้เป็นเปปไทด์ขนาดเล็กลง

การย่อยทางกล

ควบคู่ไปกับการย่อยทางเคมี กระเพาะอาหารยังมีการย่อยทางกลด้วย กลไกการย่อยทางกลนี้เกิดจากการบีบตัวของกล้ามเนื้อในผนังกระเพาะอาหาร การบีบตัวนี้ช่วยคลุกเคล้าอาหารให้เข้ากับน้ำย่อยอย่างทั่วถึง ทำให้สารเคมีที่หลั่งออกมาจากกระเพาะอาหารสามารถเข้าถึงและย่อยอาหารได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

โดยสรุปแล้ว การย่อยอาหารในกระเพาะอาหารเป็นกระบวนการร่วมกันของการย่อยทางเคมีและการย่อยทางกล การย่อยทางเคมีทำให้โปรตีนในอาหารคลายตัวและเตรียมพร้อมสำหรับการย่อยต่อไป ในขณะที่การย่อยทางกลช่วยให้สารเคมีในกระเพาะอาหารเข้าถึงอาหารได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ทำให้การย่อยอาหารสมบูรณ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ