ค่าปกติของ PT PTT INR คืออะไร

4 การดู

การตรวจเลือด PT, PTT และ INR ช่วยประเมินประสิทธิภาพการแข็งตัวของเลือด. ค่า PT ปกติอยู่ที่ 10-14 วินาที, PTT 25-35 วินาที และ INR 0.8-1.1. สำหรับผู้ที่ใช้ยาต้านการแข็งตัวของเลือด ค่า INR เป้าหมายมักอยู่ที่ 2.0-3.0 เพื่อป้องกันการเกิดลิ่มเลือด. ปรึกษาแพทย์เพื่อทำความเข้าใจผลเลือดของคุณอย่างละเอียด.

ข้อเสนอแนะ 0 การถูกใจ

ไขความลับค่า PT, PTT, INR: คู่มือทำความเข้าใจผลตรวจการแข็งตัวของเลือด

การตรวจเลือดเป็นหนึ่งในเครื่องมือสำคัญที่แพทย์ใช้ในการวินิจฉัยและติดตามสุขภาพของคนไข้ การตรวจ PT (Prothrombin Time), PTT (Partial Thromboplastin Time) และ INR (International Normalized Ratio) เป็นการตรวจเลือดที่มุ่งเน้นไปที่การประเมินความสามารถในการแข็งตัวของเลือด ซึ่งเป็นกระบวนการที่ซับซ้อนและมีความสำคัญต่อการป้องกันการเสียเลือดเมื่อเกิดบาดแผล

บทความนี้จะช่วยให้คุณเข้าใจค่าปกติของ PT, PTT และ INR รวมถึงปัจจัยที่อาจส่งผลต่อค่าเหล่านี้ เพื่อให้คุณสามารถทำความเข้าใจผลเลือดของคุณได้ดียิ่งขึ้นและปรึกษาแพทย์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

PT, PTT และ INR คืออะไร?

  • PT (Prothrombin Time): วัดระยะเวลาที่เลือดใช้ในการแข็งตัว โดยประเมินการทำงานของปัจจัยการแข็งตัวของเลือดใน “วิถีการแข็งตัวภายนอก” (Extrinsic Pathway)
  • PTT (Partial Thromboplastin Time): วัดระยะเวลาที่เลือดใช้ในการแข็งตัวเช่นกัน แต่ประเมินการทำงานของปัจจัยการแข็งตัวของเลือดใน “วิถีการแข็งตัวภายใน” (Intrinsic Pathway)
  • INR (International Normalized Ratio): เป็นค่าที่ได้จากการคำนวณจากค่า PT เพื่อให้ผลการตรวจมีความเป็นสากลและสามารถเปรียบเทียบกันได้ระหว่างห้องปฏิบัติการต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่รับประทานยาต้านการแข็งตัวของเลือด (เช่น Warfarin)

ค่าปกติของ PT, PTT และ INR

ค่าปกติของการตรวจเหล่านี้อาจแตกต่างกันเล็กน้อยขึ้นอยู่กับห้องปฏิบัติการที่ทำการตรวจ แต่โดยทั่วไปแล้ว ค่าปกติจะอยู่ในช่วงดังนี้:

  • PT: 10-14 วินาที
  • PTT: 25-35 วินาที
  • INR: 0.8-1.1 (สำหรับผู้ที่ไม่ได้ใช้ยาต้านการแข็งตัวของเลือด)

INR กับผู้ที่ใช้ยาต้านการแข็งตัวของเลือด

สำหรับผู้ที่รับประทานยาต้านการแข็งตัวของเลือด (เช่น Warfarin) ค่า INR จะมีเป้าหมายที่สูงกว่าปกติ โดยทั่วไปแล้ว ค่า INR ที่ต้องการจะอยู่ในช่วง 2.0-3.0 อย่างไรก็ตาม ค่าเป้าหมายที่เหมาะสมอาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับสภาวะสุขภาพของแต่ละบุคคลและการตัดสินใจของแพทย์ การรักษาระดับ INR ให้อยู่ในช่วงที่เหมาะสมมีความสำคัญอย่างยิ่งในการป้องกันการเกิดลิ่มเลือดในขณะเดียวกันก็ลดความเสี่ยงของการมีเลือดออกมากเกินไป

ปัจจัยที่อาจส่งผลต่อค่า PT, PTT และ INR

ค่า PT, PTT และ INR สามารถเปลี่ยนแปลงได้จากหลายปัจจัย เช่น:

  • ยา: ยาบางชนิดอาจส่งผลต่อการแข็งตัวของเลือด
  • อาหาร: การรับประทานอาหารที่มีวิตามินเคสูงอาจส่งผลต่อค่า INR โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่รับประทาน Warfarin
  • โรค: โรคตับ โรคไต และภาวะผิดปกติทางการแข็งตัวของเลือดสามารถส่งผลต่อค่าเหล่านี้ได้
  • ภาวะขาดวิตามิน: การขาดวิตามินเคอาจส่งผลต่อการแข็งตัวของเลือด
  • ภาวะตั้งครรภ์: การเปลี่ยนแปลงทางสรีรวิทยาในระหว่างตั้งครรภ์อาจส่งผลต่อค่าเหล่านี้

สิ่งที่ควรทำเมื่อได้รับผลตรวจ PT, PTT และ INR

เมื่อได้รับผลตรวจเลือด PT, PTT และ INR สิ่งสำคัญคือการปรึกษาแพทย์เพื่อทำความเข้าใจผลลัพธ์อย่างละเอียด แพทย์จะพิจารณาผลตรวจร่วมกับประวัติทางการแพทย์ การตรวจร่างกาย และข้อมูลอื่นๆ เพื่อวินิจฉัยและวางแผนการรักษาที่เหมาะสม

ข้อควรจำ:

  • ค่าปกติของการตรวจ PT, PTT และ INR อาจแตกต่างกันเล็กน้อยขึ้นอยู่กับห้องปฏิบัติการ
  • ค่า INR ที่เหมาะสมสำหรับผู้ที่รับประทานยาต้านการแข็งตัวของเลือดอาจแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล
  • การปรึกษาแพทย์เป็นสิ่งสำคัญในการทำความเข้าใจผลตรวจเลือดของคุณ

หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์ในการทำความเข้าใจค่า PT, PTT และ INR มากยิ่งขึ้น อย่าลืมปรึกษาแพทย์เพื่อขอคำแนะนำที่เหมาะสมกับสุขภาพของคุณ