H/C ใช้เลือดกี่ cc

ปริมาณเลือดที่ใช้ในการตรวจทางห้องปฏิบัติการ: ความสำคัญและแนวทางการปฏิบัติที่ถูกต้อง

ในการวินิจฉัยและติดตามผลการรักษาโรคต่างๆ การตรวจทางห้องปฏิบัติการมีความสำคัญอย่างยิ่งยวด การตรวจเหล่านี้อาศัยตัวอย่างเลือดของผู้ป่วย ซึ่งปริมาณเลือดที่ต้องเก็บนั้นแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับชนิดของการตรวจที่ต้องการ

ข้อความที่ให้มานั้นเป็นแนวทางการปฏิบัติในการเก็บตัวอย่างเลือดเพื่อนำไปตรวจวิเคราะห์ โดยเน้นย้ำถึงความสำคัญของความสะอาดและความถูกต้องตามหลักปลอดเชื้อ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่แม่นยำและลดความเสี่ยงต่อการติดเชื้อของผู้ป่วย อย่างไรก็ตาม คำถามที่ว่า “H/C ใช้เลือดกี่ cc” เป็นคำถามที่ต้องการคำตอบที่เฉพาะเจาะจงมากขึ้น ซึ่งจำเป็นต้องทำความเข้าใจบริบทของการตรวจ H/C เสียก่อน

H/C คืออะไร?

“H/C” อาจหมายถึงการตรวจหลายชนิด ขึ้นอยู่กับบริบททางการแพทย์ที่ใช้ หากพิจารณาจากขั้นตอนการเก็บเลือดที่กล่าวมาข้างต้น ซึ่งเน้นย้ำเรื่องการผสมเลือดกับสารกันเลือดแข็งตัว (anticoagulant) ทันทีหลังเก็บ อาจเป็นไปได้ว่า “H/C” ในที่นี้หมายถึง Hemoculture หรือการเพาะเลี้ยงเชื้อในกระแสเลือด

Hemoculture (การเพาะเลี้ยงเชื้อในกระแสเลือด) คืออะไร และใช้เลือดปริมาณเท่าใด?

Hemoculture เป็นการตรวจเพื่อหาเชื้อโรคในกระแสเลือด ซึ่งมักใช้ในการวินิจฉัยภาวะติดเชื้อในกระแสเลือด (Bacteremia หรือ Septicemia) การตรวจนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งในการรักษาผู้ป่วยที่มีอาการไข้สูง หนาวสั่น หรือมีสัญญาณของการติดเชื้อรุนแรง

ปริมาณเลือดที่ใช้ในการทำ Hemoculture นั้นแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับ:

• อายุของผู้ป่วย: เด็กเล็ก (2-5 มล.) ต้องการปริมาณเลือดน้อยกว่าผู้ใหญ่ (7-10 มล.)
• ชนิดของชุดเพาะเลี้ยง: ชุดเพาะเลี้ยงแต่ละชนิดอาจต้องการปริมาณเลือดที่แตกต่างกันไป
• แนวทางการปฏิบัติของแต่ละสถานพยาบาล: โรงพยาบาลแต่ละแห่งอาจมีแนวทางการปฏิบัติที่แตกต่างกันเล็กน้อย

โดยทั่วไปแล้ว แนวทางการปฏิบัติที่ดีที่สุดคือการ ปฏิบัติตามคำแนะนำของห้องปฏิบัติการ ที่ทำการตรวจ เนื่องจากห้องปฏิบัติการแต่ละแห่งอาจมีข้อกำหนดและวิธีการที่เฉพาะเจาะจง

ความสำคัญของการเก็บตัวอย่างเลือดที่ถูกต้อง

ไม่ว่าจะเป็นการตรวจชนิดใดก็ตาม การเก็บตัวอย่างเลือดที่ถูกต้องเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งต่อความแม่นยำของผลการตรวจ ปัจจัยที่สำคัญ ได้แก่:

• ความสะอาด: การทำความสะอาดผิวหนังบริเวณที่จะเจาะเลือดด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อ (เช่น คลอเฮกซิดีน) เป็นสิ่งสำคัญเพื่อป้องกันการปนเปื้อนจากเชื้อโรคบนผิวหนัง
• เทคนิคปลอดเชื้อ: การใช้เทคนิคปลอดเชื้อ (Aseptic Technique) ในระหว่างการเก็บเลือดจะช่วยลดความเสี่ยงของการปนเปื้อน
• ปริมาณเลือดที่ถูกต้อง: การเก็บเลือดในปริมาณที่ถูกต้องเป็นสิ่งสำคัญเพื่อให้ได้ผลการตรวจที่แม่นยำ หากเก็บเลือดน้อยเกินไป อาจทำให้ไม่สามารถทำการตรวจวิเคราะห์ได้ หรืออาจทำให้ผลการตรวจคลาดเคลื่อนได้
• การผสมเลือดกับสารกันเลือดแข็งตัว: หากจำเป็นต้องใช้สารกันเลือดแข็งตัว ควรผสมเลือดกับสารกันเลือดแข็งตัวทันทีหลังเก็บ เพื่อป้องกันการแข็งตัวของเลือด ซึ่งอาจส่งผลต่อผลการตรวจ

สรุป

ปริมาณเลือดที่ใช้ในการตรวจทางห้องปฏิบัติการ ขึ้นอยู่กับชนิดของการตรวจ อายุของผู้ป่วย และแนวทางการปฏิบัติของแต่ละสถานพยาบาล สำหรับการตรวจ Hemoculture นั้น เด็กเล็กอาจต้องการเลือด 2-5 มล. ในขณะที่ผู้ใหญ่อาจต้องการ 7-10 มล. อย่างไรก็ตาม ควรปฏิบัติตามคำแนะนำของห้องปฏิบัติการที่ทำการตรวจ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่แม่นยำและเชื่อถือได้

ข้อควรจำ: ข้อมูลในบทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ข้อมูลและความเข้าใจเท่านั้น ไม่ได้มีวัตถุประสงค์เพื่อใช้ในการวินิจฉัยหรือรักษาโรคใดๆ หากคุณมีข้อสงสัยหรือกังวลเกี่ยวกับสุขภาพของคุณ โปรดปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์