ภูมิคุ้มกันแบบรับมาคืออะไร ยกตัวอย่างเช่น

12 การดู

ภูมิคุ้มกันแบบรับมา (passive immunity) คือการได้รับภูมิคุ้มกันจากภายนอก เช่น การฉีดเซรุ่มต้านพิษงูหรือพิษสุนัขบ้า หรือการได้รับภูมิคุ้มกันจากแม่ผ่านรกและน้ำนมแม่ วิธีนี้ร่างกายได้รับภูมิคุ้มกันอย่างรวดเร็ว แต่ระยะเวลาคงอยู่ไม่นาน ต่างจากภูมิคุ้มกันที่สร้างขึ้นเองจากการสัมผัสเชื้อโรค

ข้อเสนอแนะ 0 การถูกใจ

ภูมิคุ้มกันแบบรับมา: เกราะป้องกันชั่วคราวที่ร่างกายได้รับจากภายนอก

ภูมิคุ้มกันเป็นระบบป้องกันที่สำคัญของร่างกายต่อการติดเชื้อและโรคต่างๆ เราสามารถแบ่งภูมิคุ้มกันออกได้เป็นสองประเภทหลัก คือ ภูมิคุ้มกันแบบรับมา (passive immunity) และภูมิคุ้มกันแบบสร้างขึ้นเอง (active immunity) บทความนี้จะมุ่งเน้นที่ภูมิคุ้มกันแบบรับมา ซึ่งเป็นกลไกที่ร่างกายได้รับการป้องกันจากแหล่งภายนอกชั่วคราว

ภูมิคุ้มกันแบบรับมา คือการได้รับภูมิคุ้มกันจากภายนอกร่างกาย โดยไม่จำเป็นต้องให้ร่างกายสร้างภูมิต้านทานขึ้นเอง วิธีนี้แตกต่างจากภูมิคุ้มกันแบบสร้างขึ้นเองซึ่งร่างกายจะสร้างภูมิต้านทานจากการสัมผัสกับเชื้อโรคหรือสารแปลกปลอม การได้รับภูมิคุ้มกันแบบรับมานั้นร่างกายจะได้รับภูมิคุ้มกันอย่างรวดเร็ว เหมาะอย่างยิ่งในกรณีที่จำเป็นต้องป้องกันอย่างเร่งด่วนต่อสารก่อภูมิคุ้มกันหรือเชื้อโรค แต่ระยะเวลาของความคุ้มครองนั้นโดยทั่วไปจะสั้นกว่าภูมิคุ้มกันแบบสร้างขึ้นเอง

ตัวอย่างของภูมิคุ้มกันแบบรับมา:

  • การฉีดเซรุ่ม: เป็นวิธีหนึ่งที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในการให้ภูมิคุ้มกันแบบรับมา เช่น การฉีดเซรุ่มต้านพิษงูหรือพิษสุนัขบ้า เซรุ่มเหล่านี้ประกอบด้วยแอนติบอดีสำเร็จรูปที่ผลิตจากสัตว์เช่นม้า หรือผลิตโดยเทคโนโลยีชีวภาพ โดยสารเหล่านี้จะช่วยต่อสู้กับพิษหรือเชื้อโรคอย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ตาม แอนติบอดีเหล่านี้จะถูกกำจัดออกจากร่างกายภายในเวลาไม่กี่สัปดาห์ จึงไม่ก่อให้เกิดภูมิคุ้มกันถาวร
  • การได้รับภูมิคุ้มกันจากแม่: เป็นรูปแบบสำคัญของภูมิคุ้มกันแบบรับมาที่สำคัญต่อสุขภาพของทารกแรกเกิด แอนติบอดีจากแม่จะผ่านรกเข้าสู่ทารกในครรภ์ และยังได้รับผ่านน้ำนมแม่ การได้รับแอนติบอดีจากแม่นี้ช่วยป้องกันทารกจากการติดเชื้อในช่วงแรกของชีวิต แม้ว่าจะไม่คงอยู่ตลอดไป ระยะเวลาที่แอนติบอดีเหล่านี้จะยังคงอยู่ในร่างกายของทารกก็แตกต่างกันไปตามชนิดของแอนติบอดีและลักษณะทางชีวเคมีของทารกแต่ละคน
  • การใช้แอนติบอดีสำเร็จรูปในทางการแพทย์: ในบางกรณี แอนติบอดีที่ผลิตโดยกระบวนการทางวิทยาศาสตร์และการแพทย์สามารถใช้เพื่อให้ภูมิคุ้มกันแบบรับมาต่อสู้กับโรคบางชนิดได้ เช่น ใช้ในการรักษาบางรูปแบบของโรคมะเร็ง

ข้อจำกัดของภูมิคุ้มกันแบบรับมา:

แม้ว่าภูมิคุ้มกันแบบรับมาจะมีประสิทธิภาพในสถานการณ์เร่งด่วน แต่ก็มีข้อจำกัดสำคัญ โดยทั่วไป ระยะเวลาของความคุ้มครองนั้นสั้น และไม่ก่อให้เกิดความจำเพาะของภูมิคุ้มกันที่จะต่อสู้กับเชื้อโรคนั้นๆ ในระยะยาว เมื่อร่างกายกำจัดแอนติบอดีที่ได้รับเข้าไปแล้ว ภูมิคุ้มกันก็จะหมดไป โดยปกติจะไม่สร้างภูมิคุ้มกันแบบสร้างขึ้นเองตามมา

ในสรุป ภูมิคุ้มกันแบบรับมาเป็นกลไกสำคัญอย่างหนึ่งที่ช่วยปกป้องร่างกายจากภัยคุกคามต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณีที่เร่งด่วน อย่างไรก็ตาม มันมีข้อจำกัดในเรื่องระยะเวลาของความคุ้มครอง ดังนั้นจึงจำเป็นต้องเข้าใจความแตกต่างและบทบาทของทั้งสองประเภทของภูมิคุ้มกันเพื่อให้การดูแลสุขภาพอย่างมีประสิทธิภาพ