วัตถุอันตราย 9 ประเภท มีอะไรบ้าง

0 การดู

วัตถุอันตรายอีกประเภทหนึ่งที่ควรระมัดระวังคือ สารก่อภูมิแพ้ (Allergen) ซึ่งอาจทำให้เกิดอาการแพ้ได้ตั้งแต่ผื่นคันเล็กน้อยจนถึงอาการแพ้รุนแรง เช่น ละอองเกสรดอกไม้ ขนสัตว์ หรือสารเคมีบางชนิด การหลีกเลี่ยงการสัมผัสและการป้องกันตนเองเป็นสิ่งสำคัญ ควรศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อความปลอดภัย

ข้อเสนอแนะ 0 การถูกใจ

วัตถุอันตราย 9 ประเภท: รู้จักเพื่อป้องกันภัย ใกล้ตัวกว่าที่คิด

หลายครั้งที่เราเผชิญหน้ากับวัตถุอันตรายในชีวิตประจำวันโดยไม่รู้ตัว ทั้งในบ้าน ที่ทำงาน หรือแม้แต่ในระหว่างการเดินทาง การทำความเข้าใจเกี่ยวกับประเภทของวัตถุอันตรายจึงเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อที่เราจะสามารถป้องกันตนเองและลดความเสี่ยงต่ออันตรายที่อาจเกิดขึ้นได้

วัตถุอันตรายถูกแบ่งออกเป็น 9 ประเภทตามลักษณะทางกายภาพและเคมี ซึ่งแต่ละประเภทมีคุณสมบัติและความเสี่ยงที่แตกต่างกันออกไป มาทำความรู้จักกับวัตถุอันตรายทั้ง 9 ประเภทนี้กัน:

1. วัตถุระเบิด (Explosives): วัตถุที่สามารถเกิดปฏิกิริยาเคมีอย่างรวดเร็ว ปลดปล่อยก๊าซปริมาณมาก ความร้อน และแรงดัน ทำให้เกิดการระเบิด ตัวอย่างเช่น ดินปืน วัตถุระเบิดที่ใช้ในงานก่อสร้าง หรือดอกไม้ไฟ

2. ก๊าซ (Gases): สารที่อยู่ในสถานะก๊าซที่อุณหภูมิและความดันปกติ แบ่งออกเป็นก๊าซไวไฟ ก๊าซไม่ไวไฟและไม่เป็นพิษ และก๊าซพิษ ตัวอย่างเช่น ก๊าซหุงต้ม (LPG) ก๊าซออกซิเจน หรือก๊าซคลอรีน

3. ของเหลวไวไฟ (Flammable Liquids): ของเหลวที่สามารถติดไฟได้ง่ายเมื่อได้รับความร้อนหรือประกายไฟ ตัวอย่างเช่น น้ำมันเบนซิน ทินเนอร์ หรืออะซิโตน

4. ของแข็งไวไฟ (Flammable Solids): ของแข็งที่สามารถติดไฟได้ง่าย หรือทำให้เกิดการลุกไหม้ได้ง่ายจากการเสียดสี ตัวอย่างเช่น กำมะถัน ฟอสฟอรัส หรือแมกนีเซียม

5. วัตถุออกซิไดซ์และสารอินทรีย์เปอร์ออกไซด์ (Oxidizing Substances and Organic Peroxides): วัตถุออกซิไดซ์สามารถปล่อยออกซิเจนออกมา ซึ่งจะช่วยให้วัตถุอื่นติดไฟได้ง่ายขึ้น ส่วนสารอินทรีย์เปอร์ออกไซด์เป็นสารที่ไม่เสถียร อาจระเบิดได้เมื่อได้รับความร้อน แรงกระแทก หรือการเสียดสี ตัวอย่างเช่น ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ หรือสารฟอกขาว

6. วัตถุมีพิษและวัตถุติดเชื้อ (Toxic and Infectious Substances): วัตถุมีพิษสามารถเป็นอันตรายต่อสุขภาพหรือทำให้เสียชีวิตได้หากสัมผัส สูดดม หรือกลืนกิน ส่วนวัตถุติดเชื้อมีเชื้อโรคที่สามารถทำให้เกิดโรคได้ ตัวอย่างเช่น ยาฆ่าแมลง สารหนู หรือเชื้อไวรัส

7. วัตถุกัมมันตรังสี (Radioactive Material): สารที่แผ่รังสีออกมา ซึ่งเป็นอันตรายต่อสิ่งมีชีวิต หากได้รับในปริมาณมากอาจทำให้เกิดโรคมะเร็งหรือความผิดปกติทางพันธุกรรม ตัวอย่างเช่น ยูเรเนียม หรือโคบอลต์-60

8. วัตถุกัดกร่อน (Corrosives): สารที่สามารถทำลายหรือกัดกร่อนวัตถุอื่น ๆ ได้ รวมถึงเนื้อเยื่อของมนุษย์ ตัวอย่างเช่น กรดซัลฟิวริก หรือโซดาไฟ

9. วัตถุอันตรายเบ็ดเตล็ด (Miscellaneous Dangerous Substances and Articles): วัตถุอันตรายที่ไม่เข้าข่ายใน 8 ประเภทข้างต้น เช่น สารที่ก่อให้เกิดการระคายเคือง สารที่ก่อให้เกิดมลพิษต่อสิ่งแวดล้อม หรือแบตเตอรี่ลิเธียม

สารก่อภูมิแพ้ (Allergen): นอกจากวัตถุอันตราย 9 ประเภทที่กล่าวมาแล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่เราควรให้ความสำคัญคือสารก่อภูมิแพ้ ซึ่งแม้จะไม่ถูกจัดอยู่ในประเภทใดประเภทหนึ่งโดยตรง แต่ก็เป็นอันตรายต่อผู้ที่มีอาการแพ้ได้ สารก่อภูมิแพ้สามารถพบได้ทั่วไป เช่น ละอองเกสร ขนสัตว์ อาหารบางชนิด (นม ถั่ว) หรือสารเคมีบางชนิด การหลีกเลี่ยงการสัมผัสสารก่อภูมิแพ้จึงเป็นสิ่งสำคัญ

การป้องกันตนเอง:

  • อ่านฉลาก: ก่อนใช้งานผลิตภัณฑ์ใด ๆ ควรอ่านฉลากอย่างละเอียด เพื่อทำความเข้าใจถึงอันตรายและวิธีการใช้งานที่ถูกต้อง
  • จัดเก็บอย่างเหมาะสม: เก็บวัตถุอันตรายในที่ที่ปลอดภัย ห่างจากมือเด็ก และแยกออกจากวัตถุอื่น ๆ ที่อาจทำปฏิกิริยากันได้
  • สวมอุปกรณ์ป้องกัน: เมื่อต้องสัมผัสกับวัตถุอันตราย ควรใส่อุปกรณ์ป้องกันที่เหมาะสม เช่น ถุงมือ หน้ากาก หรือแว่นตา
  • รู้จักอาการ: หากสัมผัสกับวัตถุอันตรายแล้วมีอาการผิดปกติ ควรรีบปรึกษาแพทย์ทันที

การมีความรู้เกี่ยวกับวัตถุอันตรายและวิธีการป้องกันตนเอง จะช่วยลดความเสี่ยงและทำให้เราใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างปลอดภัยมากยิ่งขึ้น