อ้วกเขียวเกิดจากอะไร

2 การดู

อาการคลื่นไส้อาเจียนรุนแรงร่วมกับปัสสาวะสีเข้มผิดปกติ อาจบ่งบอกถึงการทำงานผิดปกติของตับหรือไต ควรพบแพทย์โดยเร็วที่สุดหากมีอาการเหล่านี้ร่วมกับไข้สูง ปวดท้องอย่างรุนแรง หรือมีเลือดปนในอุจจาระ อย่าชะล่าใจ การรักษาที่ทันท่วงทีสำคัญต่อสุขภาพของคุณ

ข้อเสนอแนะ 0 การถูกใจ

อ้วกเขียว: สัญญาณเตือนที่ไม่ควรมองข้าม

อาการอ้วกเป็นเรื่องปกติที่พบได้ในหลายๆ สาเหตุ ตั้งแต่การกินอาหารไม่ถูกสุขลักษณะไปจนถึงโรคภัยไข้เจ็บ แต่หากอาการอ้วกนั้นมีสีเขียว ควรตระหนักและให้ความสำคัญเป็นพิเศษ เพราะอาจบ่งบอกถึงปัญหาสุขภาพที่ร้ายแรงได้ สีเขียวของอาเจียนนั้นไม่ได้เกิดจากอาหารโดยตรง แต่ส่วนใหญ่มาจากน้ำดี (bile) ซึ่งเป็นของเหลวสีเขียวหรือเหลืองที่ผลิตโดยตับและถูกเก็บไว้ในถุงน้ำดี น้ำดีนี้มีหน้าที่สำคัญในการย่อยไขมัน

สาเหตุของการอ้วกเขียวจึงมีความหลากหลาย แต่สามารถจำแนกได้คร่าวๆ ดังนี้:

1. การอุดตันของทางเดินน้ำดี: นี่เป็นสาเหตุที่พบบ่อยและสำคัญที่สุด การอุดตันอาจเกิดจากนิ่วในถุงน้ำดี เนื้องอก หรือการอักเสบของตับอ่อน การอุดตันนี้ทำให้ทางเดินของน้ำดีถูกปิดกั้น ส่งผลให้น้ำดีไหลย้อนกลับเข้าสู่กระเพาะอาหารและถูกขับออกมาพร้อมกับอาเจียน อาการอื่นๆ ที่อาจพบร่วมด้วยได้แก่ ปวดท้องอย่างรุนแรง ตัวเหลือง ตาเหลือง และปัสสาวะสีเข้ม

2. การอักเสบของตับ: โรคตับอักเสบต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นไวรัสหรือไม่ใช่ไวรัส สามารถทำให้เกิดการอักเสบของเซลล์ตับ ส่งผลต่อการผลิตและการไหลเวียนของน้ำดี ซึ่งนำไปสู่อาการอ้วกเขียว อาการอื่นๆ ที่อาจพบได้แก่ ไข้ หนาวสั่น ปวดกล้ามเนื้อ และความเมื่อยล้า

3. การติดเชื้อในทางเดินอาหาร: แม้จะไม่ใช่สาเหตุหลัก แต่การติดเชื้อแบคทีเรียหรือไวรัสในทางเดินอาหารอย่างรุนแรง ก็สามารถทำให้อ้วกมีสีเขียวได้ เนื่องจากการอักเสบของทางเดินอาหาร และการมีน้ำดีปะปนออกมา มักมาพร้อมกับอาการอื่นๆ เช่น ท้องเสีย ปวดท้อง และไข้

4. การใช้ยาบางชนิด: ยาบางชนิดอาจทำให้เกิดผลข้างเคียงเป็นอาการคลื่นไส้อาเจียน และในบางกรณี อาจมีสีเขียวปะปนอยู่ ควรปรึกษาแพทย์หากสงสัยว่ายาที่กำลังรับประทานอยู่เป็นสาเหตุ

5. การตั้งครรภ์: ในช่วงตั้งครรภ์ การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนอาจทำให้เกิดอาการคลื่นไส้อาเจียน และอาจมีน้ำดีปนออกมาทำให้มีสีเขียวได้ แต่โดยปกติแล้วจะไม่รุนแรง

สำคัญ: หากมีอาการอ้วกเขียวร่วมกับอาการอื่นๆ เช่น ไข้สูง ปวดท้องอย่างรุนแรง ตัวเหลือง ตาเหลือง ปัสสาวะสีเข้ม หรืออุจจาระสีซีด ควรไปพบแพทย์โดยเร็วที่สุด การชะล่าใจอาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนที่ร้ายแรงได้ แพทย์จะทำการวินิจฉัยสาเหตุที่แท้จริงและให้การรักษาที่เหมาะสม การรักษาจะขึ้นอยู่กับสาเหตุของอาการ อาจรวมถึงการใช้ยา การผ่าตัด หรือการรักษาอื่นๆ อย่าพึ่งพาการรักษาแบบบ้านๆ หรือการคาดเดาเอง เพราะอาจทำให้สถานการณ์แย่ลงได้

บทความนี้มีจุดประสงค์เพื่อให้ความรู้เบื้องต้นเท่านั้น ไม่ใช่คำแนะนำทางการแพทย์ ควรปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพเพื่อรับคำแนะนำที่ถูกต้องและเหมาะสมกับสภาพร่างกายของแต่ละบุคคล