ไอโซโทปกัมมันตรังสีที่ใช้ตรวจดูการทำงานของเม็ดเลือดแดง คือข้อใด

ไอโซโทปกัมมันตรังสีที่ใช้ตรวจดูการทำงานของเม็ดเลือดแดง

บทความนี้จะกล่าวถึงไอโซโทปกัมมันตรังสีที่ใช้ในการตรวจสอบการทำงานของเม็ดเลือดแดง ซึ่งแตกต่างจากการตรวจสอบเม็ดเลือดขาวที่มักใช้อินเดียม-111 (In-111) ดังที่กล่าวไว้ในคำถาม การตรวจสอบเม็ดเลือดแดงจะใช้ไอโซโทปที่แตกต่างออกไป โดยเน้นที่การติดตามตัวเม็ดเลือดแดงเอง และประเมินประสิทธิภาพการทำงานภายในระบบไหลเวียนโลหิต

ไอโซโทปที่นิยมใช้กันมากที่สุดในการตรวจสอบการทำงานของเม็ดเลือดแดง คือ โครเมียม-51 (Chromium-51) โดยจะนำโครเมียม-51 มาจับกับสารโซเดียมโครเมต (Sodium Chromate) แล้วนำไปผสมกับตัวอย่างเลือดของผู้ป่วย โครเมียม-51 จะจับตัวกับฮีโมโกลบินภายในเม็ดเลือดแดง ทำให้สามารถติดตามการเคลื่อนที่ อายุขัย และปริมาณของเม็ดเลือดแดงได้

การตรวจสอบโดยใช้โครเมียม-51 สามารถนำไปประยุกต์ใช้ในการวินิจฉัยภาวะต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับเม็ดเลือดแดงได้แก่:

• การวัดปริมาณเลือดแดง (Red Cell Volume): ช่วยประเมินปริมาณเลือดแดงทั้งหมดในร่างกาย ซึ่งเป็นข้อมูลสำคัญในการวินิจฉัยภาวะโลหิตจางหรือภาวะเลือดข้น
• การวัดอายุขัยของเม็ดเลือดแดง (Red Cell Survival): ช่วยประเมินอัตราการทำลายของเม็ดเลือดแดง ซึ่งเป็นประโยชน์ในการวินิจฉัยภาวะโลหิตจางจากการทำลายเม็ดเลือดแดงมากเกินไป (Hemolytic Anemia)
• การตรวจหาแหล่งที่มาของเลือดออกในทางเดินอาหาร (Gastrointestinal Bleeding): โดยการติดตามการสูญเสียเม็ดเลือดแดงที่ติดฉลากโครเมียม-51 ซึ่งจะตรวจพบได้แม้เป็นการเสียเลือดปริมาณเล็กน้อยที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า

นอกจากโครเมียม-51 แล้ว ยังมีการใช้ เทคนีเซียม-99m (Technetium-99m) ในการติดฉลากเม็ดเลือดแดงเพื่อตรวจสอบการทำงานของม้าม และการตรวจหาจุดที่มีเลือดออกผิดปกติในร่างกายอีกด้วย อย่างไรก็ตาม การใช้เทคนีเซียม-99m ในการตรวจสอบเม็ดเลือดแดงยังไม่เป็นที่นิยมเท่ากับโครเมียม-51

ถึงแม้ว่าเทคนิคการแพทย์นิวเคลียร์จะมีประโยชน์อย่างมากในการวินิจฉัยโรค แต่ก็มีข้อจำกัดเช่นกัน เช่น การได้รับรังสี แม้ว่าปริมาณรังสีที่ใช้ในการตรวจจะอยู่ในระดับต่ำและปลอดภัย แต่ก็ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อนรับการตรวจทุกครั้ง เพื่อประเมินความเสี่ยงและประโยชน์ที่ได้รับอย่างเหมาะสม

โดยสรุป ไอโซโทปกัมมันตรังสีที่ใช้ตรวจดูการทำงานของเม็ดเลือดแดงหลักๆ คือ โครเมียม-51 ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการวินิจฉัยและติดตามภาวะต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับเม็ดเลือดแดง และเทคนิคการแพทย์นิวเคลียร์นี้เป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพในการช่วยแพทย์วินิจฉัยโรคได้อย่างแม่นยำยิ่งขึ้น.