กรวยไตอักเสบ ให้ยากี่วัน

กรวยไตอักเสบ: ระยะเวลารับประทานยาและความสำคัญของการดูแลตนเอง

กรวยไตอักเสบ (Pyelonephritis) คือการติดเชื้อแบคทีเรียที่ไต มักเกิดจากการลุกลามของการติดเชื้อทางเดินปัสสาวะส่วนล่าง อาการที่พบบ่อยได้แก่ ปวดหลังบริเวณเอวข้างใดข้างหนึ่งหรือทั้งสองข้าง, มีไข้, หนาวสั่น, คลื่นไส้อาเจียน, ปัสสาวะขุ่นหรือมีกลิ่นผิดปกติ, ปวดแสบขณะปัสสาวะ และอาจมีอาการปัสสาวะบ่อยหรือปวดปัสสาวะเร่งด่วนร่วมด้วย

การรักษาหลักของกรวยไตอักเสบคือการใช้ยาปฏิชีวนะ โดยทั่วไปแพทย์จะสั่งจ่ายยาปฏิชีวนะให้รับประทานเป็นเวลา 5-7 วัน หรือ 10-14 วัน ขึ้นอยู่กับชนิดของยา ความรุนแรงของการติดเชื้อ และการตอบสนองต่อการรักษาของผู้ป่วยแต่ละราย สำคัญที่สุดคือต้องรับประทานยาตามที่แพทย์สั่งอย่างเคร่งครัด แม้ว่าอาการจะดีขึ้นแล้วก็ตาม การหยุดยาเองก่อนกำหนดอาจทำให้เชื้อดื้อยาและเกิดการติดเชื้อซ้ำได้

ในบางกรณีที่อาการรุนแรง เช่น มีไข้สูง อาเจียนมาก หรือมีอาการแทรกซ้อนอื่นๆ แพทย์อาจพิจารณาให้ยาปฏิชีวนะทางหลอดเลือดดำที่โรงพยาบาลก่อน และเมื่ออาการดีขึ้นจึงเปลี่ยนเป็นยาชนิดรับประทานจนครบตามกำหนด

นอกเหนือจากการรับประทานยาแล้ว การดูแลตนเองก็มีความสำคัญอย่างยิ่งในการช่วยให้หายจากโรคและป้องกันการกลับมาเป็นซ้ำ เช่น:

• ดื่มน้ำมากๆ: ช่วยขับเชื้อแบคทีเรียออกจากทางเดินปัสสาวะ
• หลีกเลี่ยงการกลั้นปัสสาวะ: ควรปัสสาวะทันทีเมื่อรู้สึกปวด
• รักษาความสะอาดบริเวณอวัยวะเพศ: เช็ดทำความสะอาดจากด้านหน้าไปด้านหลังหลังการขับถ่าย
• พักผ่อนให้เพียงพอ: ช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง

หากรับประทานยาครบตามกำหนดแล้ว แต่อาการยังไม่ดีขึ้น หรือมีอาการแย่ลง เช่น ไข้สูงขึ้น ปวดมากขึ้น หรือมีอาการอื่นๆ ที่ผิดปกติ ควรกลับไปพบแพทย์ทันที เพื่อรับการตรวจวินิจฉัยและปรับแผนการรักษาต่อไป อย่าซื้อยามารับประทานเองโดยไม่ได้รับคำแนะนำจากแพทย์ เพราะอาจทำให้เกิดอันตรายได้

การป้องกันการเกิดกรวยไตอักเสบสามารถทำได้โดยการดูแลสุขภาพโดยรวมให้แข็งแรง ดื่มน้ำให้เพียงพอ ไม่กลั้นปัสสาวะ และรักษาความสะอาดบริเวณอวัยวะเพศอย่างถูกต้อง หากมีอาการผิดปกติควรรีบไปพบแพทย์เพื่อรับการตรวจวินิจฉัยและรักษาอย่างทันท่วงที.