กลากเกิดจากอะไร ผู้หญิง

2 การดู

กลากเกิดจากเชื้อรา Malassezia globosa ซึ่งอาศัยอยู่บนผิวหนังโดยปกติ แต่ปัจจัยต่างๆ เช่น ความเครียด การเปลี่ยนแปลงฮอร์โมน หรือการใช้สบู่บางชนิด อาจทำให้เชื้อราเจริญเติบโตมากเกินไป ก่อให้เกิดอาการผิวหนังอักเสบ คัน และมีผื่นแดง มักพบที่บริเวณที่มีความชื้นสูง เช่น รอบคอ รักแร้ หรือขาหนีบ การรักษาเน้นการลดการอักเสบและควบคุมการเจริญเติบโตของเชื้อรา

ข้อเสนอแนะ 0 การถูกใจ

กลากในผู้หญิง: เรื่องที่ไม่ควรมองข้ามเกี่ยวกับเชื้อราที่แอบแฝง

กลากเป็นปัญหาผิวหนังที่สร้างความรำคาญให้กับใครหลายคน และในผู้หญิงเองก็สามารถเกิดขึ้นได้เช่นกัน แม้ว่ากลากจะไม่ได้จำกัดเพศ แต่ปัจจัยบางอย่างในชีวิตประจำวันของผู้หญิง อาจทำให้มีโอกาสเป็นกลากได้ง่ายกว่า

บทความนี้จะเจาะลึกถึงสาเหตุของกลากในผู้หญิง โดยเน้นไปที่เชื้อรา Malassezia globosa ที่เป็นตัวการสำคัญ พร้อมทั้งสำรวจปัจจัยเฉพาะที่อาจส่งผลต่อการเกิดกลากในผู้หญิง และแนวทางการรับมือกับปัญหานี้

ทำความเข้าใจกับ Malassezia globosa: เพื่อนหรือศัตรู?

Malassezia globosa เป็นเชื้อราชนิดหนึ่งที่อาศัยอยู่บนผิวหนังของเราโดยปกติ โดยเฉพาะบริเวณที่มีต่อมไขมันมาก เช่น หนังศีรษะ ใบหน้า และลำตัว เชื้อราชนิดนี้ไม่ได้เป็นอันตรายเสมอไป ในสภาวะปกติ มันช่วยรักษาสมดุลของจุลินทรีย์บนผิวหนังของเรา

แต่เมื่อสภาวะแวดล้อมเปลี่ยนแปลงไป เช่น มีความชื้นสูง ผิวหนังมีความมันมากเกินไป หรือระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ Malassezia globosa สามารถเจริญเติบโตอย่างรวดเร็วเกินไป จนก่อให้เกิดปัญหาผิวหนังที่เรียกว่า “กลาก”

ปัจจัยที่ทำให้ผู้หญิงเสี่ยงต่อการเป็นกลากมากขึ้น:

ถึงแม้ว่าสาเหตุหลักของกลากจะมาจากเชื้อรา Malassezia globosa แต่ปัจจัยต่อไปนี้อาจทำให้ผู้หญิงมีความเสี่ยงต่อการเป็นกลากมากขึ้น:

  • การเปลี่ยนแปลงฮอร์โมน: ระดับฮอร์โมนที่ผันผวนในช่วงต่างๆ ของชีวิตผู้หญิง เช่น ช่วงมีประจำเดือน การตั้งครรภ์ หรือวัยหมดประจำเดือน อาจส่งผลต่อความมันบนผิวหนัง ทำให้เชื้อรา Malassezia globosa เจริญเติบโตได้ดีขึ้น
  • การใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่ไม่เหมาะสม: การใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่มีน้ำมันมากเกินไป หรือผลิตภัณฑ์ที่ทำให้ผิวแห้งกร้านเกินไป อาจรบกวนสมดุลของผิวหนัง ทำให้เชื้อราเจริญเติบโตได้ง่ายขึ้น
  • ความเครียด: ความเครียดเป็นปัจจัยกระตุ้นที่สำคัญของปัญหาผิวหนังหลายชนิด รวมถึงกลากด้วย ความเครียดอาจส่งผลต่อระบบภูมิคุ้มกันและฮอร์โมน ทำให้ผิวหนังอ่อนแอลง
  • เหงื่อออกมาก: การออกกำลังกาย การอยู่ในสภาพอากาศร้อนชื้น หรือการใส่เสื้อผ้าที่ไม่ระบายอากาศ อาจทำให้เกิดความชื้นบริเวณผิวหนัง ซึ่งเป็นสภาวะที่เหมาะสมต่อการเจริญเติบโตของเชื้อรา
  • การใช้ยาบางชนิด: ยาบางชนิด เช่น ยาคุมกำเนิด หรือยาปฏิชีวนะ อาจส่งผลต่อสมดุลของฮอร์โมนและจุลินทรีย์บนผิวหนัง ทำให้เกิดกลากได้

สังเกตอาการและแนวทางการรักษา:

อาการของกลากในผู้หญิงไม่ได้แตกต่างจากในผู้ชาย โดยทั่วไปจะสังเกตได้จาก:

  • ผื่นแดง: มักมีลักษณะเป็นวงรีหรือวงกลม ขอบเขตชัดเจน
  • ขุย: ผิวหนังบริเวณที่เป็นกลากอาจมีขุยเล็กน้อย
  • อาการคัน: อาการคันเป็นอาการที่พบได้บ่อย และอาจรุนแรงขึ้นเมื่อเหงื่อออกหรืออยู่ในสภาพอากาศร้อนชื้น
  • สีผิวเปลี่ยนแปลง: บริเวณที่เป็นกลากอาจมีสีอ่อนหรือเข้มกว่าผิวหนังปกติ

หากสงสัยว่าตนเองเป็นกลาก ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรเพื่อรับการวินิจฉัยและการรักษาที่ถูกต้อง การรักษาโดยทั่วไปจะประกอบด้วย:

  • ยาต้านเชื้อรา: ยาต้านเชื้อรามีทั้งรูปแบบทาและรูปแบบรับประทาน ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของอาการ
  • แชมพูยา: แชมพูที่มีส่วนผสมของยาต้านเชื้อรา เช่น คีโตโคนาโซล (Ketoconazole) หรือ ซีลีเนียม ซัลไฟด์ (Selenium Sulfide) สามารถใช้สระผมเพื่อควบคุมเชื้อราบนหนังศีรษะ
  • ครีมหรือโลชั่น: ครีมหรือโลชั่นที่มีส่วนผสมของสเตียรอยด์ อาจใช้เพื่อลดอาการอักเสบและคัน

การป้องกันกลากในผู้หญิง:

เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดกลาก สามารถทำได้โดย:

  • รักษาความสะอาด: อาบน้ำอย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะหลังออกกำลังกายหรือเหงื่อออกมาก
  • เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่อ่อนโยน: หลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ที่มีน้ำมันมากเกินไป หรือผลิตภัณฑ์ที่ทำให้ผิวแห้งกร้าน
  • จัดการความเครียด: หาทางผ่อนคลายความเครียด เช่น การออกกำลังกาย การทำสมาธิ หรือการทำกิจกรรมที่ชอบ
  • สวมใส่เสื้อผ้าที่ระบายอากาศได้ดี: หลีกเลี่ยงเสื้อผ้าที่รัดรูปและทำจากวัสดุที่ไม่ระบายอากาศ
  • ปรึกษาแพทย์: หากมีอาการผิดปกติบนผิวหนัง ควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยและการรักษาที่ถูกต้อง

สรุป:

กลากเป็นปัญหาผิวหนังที่พบได้บ่อยในผู้หญิง โดยมีเชื้อรา Malassezia globosa เป็นสาเหตุหลัก การทำความเข้าใจถึงปัจจัยเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับผู้หญิง และการดูแลรักษาสุขอนามัยของผิวหนังอย่างเหมาะสม จะช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดกลาก และช่วยให้คุณมีผิวหนังที่สุขภาพดีได้อย่างมั่นใจ