ซีสต์ เกิดจากอะไรได้บ้าง

2 การดู

ซีสต์คือถุงน้ำที่เกิดขึ้นจากความผิดปกติของต่อมในร่างกาย เช่น ต่อมไขมันหรือต่อมเหงื่อ การอุดตันทำให้สารคัดหลั่งสะสมภายในถุง ซีสต์อาจมีขนาดเล็กลงหรือหายไปเองได้ แต่บางครั้งอาจต้องพบแพทย์เพื่อวินิจฉัยและรักษาหากมีขนาดใหญ่ขึ้นหรือก่อให้เกิดอาการไม่พึงประสงค์

ข้อเสนอแนะ 0 การถูกใจ

ซีสต์: ถุงน้ำปริศนา ภัยเงียบที่อาจแฝงกาย

ซีสต์ คือถุงน้ำที่มักมีลักษณะเป็นก้อนเนื้อนิ่ม เกิดขึ้นได้เกือบทุกส่วนของร่างกาย ตั้งแต่ผิวหนัง อวัยวะภายใน ไปจนถึงกระดูก แม้ส่วนใหญ่มักไม่เป็นอันตรายและหายไปได้เอง แต่บางกรณีอาจส่งสัญญาณถึงปัญหาสุขภาพที่ซ่อนอยู่ การทำความเข้าใจสาเหตุของการเกิดซีสต์จึงเป็นสิ่งสำคัญ

สาเหตุของการเกิดซีสต์มีความหลากหลาย ขึ้นอยู่กับชนิดและตำแหน่งที่เกิด โดยทั่วไปแล้ว กลไกการเกิดซีสต์มักเกี่ยวข้องกับการอุดตันของท่อหรือทางออกของของเหลวตามธรรมชาติในร่างกาย นำไปสู่การสะสมของของเหลวภายในเนื้อเยื่อและก่อตัวเป็นถุงซีสต์ ยกตัวอย่างเช่น

  • ซีสต์ที่ผิวหนัง: มักเกิดจากการอุดตันของต่อมไขมันหรือต่อมเหงื่อ เช่น ซีสต์ไขมัน (Sebaceous cyst) ที่เกิดจากการอุดตันของต่อมไขมันใต้ผิวหนัง หรือซีสต์ต่อมเหงื่อ (Sweat gland cyst) นอกจากนี้ การติดเชื้อแบคทีเรีย การอักเสบของรูขุมขน หรือแม้กระทั่งการฝังตัวของสิ่งแปลกปลอมใต้ผิวหนังก็อาจกระตุ้นให้เกิดซีสต์ได้เช่นกัน
  • ซีสต์ในอวัยวะภายใน: ซีสต์ในอวัยวะภายในมีความซับซ้อนกว่า อาจเกิดจากความผิดปกติทางพันธุกรรม การติดเชื้อ การอักเสบเรื้อรัง หรือการเจริญเติบโตของเนื้อเยื่อที่ผิดปกติ ตัวอย่างเช่น ซีสต์ในรังไข่ (Ovarian cyst) ที่มักเกิดจากความผิดปกติของฮอร์โมน หรือซีสต์ในตับ (Liver cyst) ที่อาจเกิดจากการติดเชื้อปรสิตบางชนิด
  • ซีสต์ในกระดูก: ซีสต์ในกระดูกพบได้น้อยกว่า มักเกิดจากความผิดปกติในการเจริญเติบโตของกระดูก หรือการสะสมของของเหลวภายในกระดูก เช่น ซีสต์กระดูกชนิดเรียบง่าย (Simple bone cyst) ที่มักพบในเด็กและวัยรุ่น

นอกจากสาเหตุที่กล่าวมา ปัจจัยอื่นๆ เช่น การบาดเจ็บ การได้รับสารเคมีบางชนิด หรือความผิดปกติของระบบภูมิคุ้มกันก็อาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับการเกิดซีสต์ได้

แม้ว่าซีสต์หลายชนิดจะไม่ก่อให้เกิดอาการ แต่หากซีสต์มีขนาดใหญ่ขึ้น ติดเชื้อ หรือกดทับอวัยวะอื่นๆ อาจทำให้เกิดอาการต่างๆ เช่น ปวด บวม แดง ร้อน หรือมีก้อนเนื้อที่สามารถคลำได้ ดังนั้น หากพบความผิดปกติใดๆ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยและการรักษาที่เหมาะสม แพทย์อาจใช้การตรวจร่างกาย การตรวจเลือด การอัลตราซาวนด์ หรือการเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ เพื่อยืนยันการวินิจฉัยและวางแผนการรักษาต่อไป การรักษาซีสต์ขึ้นอยู่กับชนิด ขนาด ตำแหน่ง และอาการ ตั้งแต่การเฝ้าระวัง การใช้ยา การเจาะระบายของเหลว ไปจนถึงการผ่าตัด