ข้อใดเป็นผลจากการขาดวิตามินบี2

ผลร้ายจากการขาดวิตามินบี2: เมื่อร่างกายขาดสารอาหารสำคัญ

วิตามินบี2 หรือ ไรโบฟลาวิน (Riboflavin) เป็นวิตามินที่ละลายในน้ำ มีบทบาทสำคัญต่อกระบวนการเผาผลาญอาหาร การสร้างพลังงาน และการทำงานของระบบประสาท การขาดวิตามินบี2 จึงส่งผลกระทบต่อสุขภาพอย่างหลากหลาย มากกว่าที่หลายคนคิด อาการที่ปรากฏอาจไม่ได้รุนแรงในทันที แต่หากปล่อยไว้โดยไม่รับการแก้ไข ปัญหาสุขภาพที่ตามมาอาจร้ายแรงได้

อาการขาดวิตามินบี2 มักไม่ปรากฏชัดเจนในระยะแรก แต่จะค่อยๆแสดงอาการออกมาเป็นลำดับ โดยอาการเริ่มต้นที่พบได้บ่อยและสังเกตได้ง่าย คือ โรคปากนกกระจอก (Angular Cheilitis) ซึ่งเป็นแผลเล็กๆ เกิดขึ้นที่มุมปาก ทำให้ปากแตก แห้ง และอาจมีเลือดออก นอกจากนี้ ริมฝีปากยังอาจแห้งแตก ลอกเป็นขุยได้ง่าย และมีอาการแสบร้อน ร่วมกับอาการ ลิ้นอักเสบ (Glossitis) ลิ้นบวม เปลี่ยนสี อาจมีลักษณะเรียบลื่นหรือมีรอยแดง และรู้สึกเจ็บปวดเมื่อรับประทานอาหาร

อาการอื่นๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้หากขาดวิตามินบี2 คือ ผิวหนังอักเสบ (Seborrheic dermatitis) ซึ่งมักปรากฏเป็นผื่นแดง คัน และลอก บริเวณใบหน้า หนังศีรษะ หรือร่างกาย โดยเฉพาะบริเวณที่มีต่อมไขมันมาก อาการนี้มีความสัมพันธ์กับการขาดวิตามินบีหลายชนิด รวมถึงบี2 นอกจากนี้ ผู้ที่ขาดวิตามินบี2 อาจมีอาการ ตาแห้ง (Dry eyes) แสบตา (Burning eyes) และ มองเห็นภาพไม่ชัด เนื่องจากวิตามินบี2 มีบทบาทในการปกป้องเซลล์ในเยื่อบุตาและรักษาความชุ่มชื้น

การวินิจฉัยอาการขาดวิตามินบี2 แพทย์อาจพิจารณาจากประวัติอาการ การตรวจร่างกาย และการตรวจเลือดเพื่อวัดระดับวิตามินบี2 ในร่างกาย การรักษาโดยทั่วไป คือการรับประทานอาหารที่มีวิตามินบี2 สูง เช่น นม โยเกิร์ต ไข่ เนื้อสัตว์ ตับ ถั่ว และผักใบเขียว หากอาการรุนแรง แพทย์อาจสั่งให้รับประทานวิตามินบี2 เสริม แต่ควรอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ เพื่อป้องกันผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นได้

ดังนั้น การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ครบถ้วน และหลากหลาย จึงเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อให้ร่างกายได้รับวิตามินบี2 และสารอาหารอื่นๆ ที่จำเป็น สำหรับการทำงานของระบบต่างๆ ในร่างกาย และป้องกันปัญหาสุขภาพที่อาจเกิดขึ้นจากการขาดวิตามินบี2 หากมีข้อสงสัยหรือพบอาการผิดปกติ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับคำแนะนำที่ถูกต้อง อย่าปล่อยให้ปัญหาเล็กๆ น้อยๆ กลายเป็นโรคร้ายแรงในอนาคต