ค่าความเข้มข้นของเลือดปกติเท่าไร

1 การดู

ระดับความเข้มข้นของเลือดปกติอยู่ที่ 12-16 กรัมต่อเดซิลิตร (g/dL) ค่าที่สูงกว่านี้อาจบ่งชี้ภาวะเลือดข้น ในขณะที่ค่าที่ต่ำกว่าอาจบ่งชี้ภาวะโลหิตจาง ฮีมาโทคริต (HCT) คือปริมาณความเข้มข้นของเม็ดเลือดแดงต่อปริมาตรเลือดทั้งหมด แสดงผลเป็นเปอร์เซ็นต์ ช่วยประเมินสภาวะสุขภาพเบื้องต้น

ข้อเสนอแนะ 0 การถูกใจ

ความเข้มข้นของเลือด: ตัวเลขที่บอกอะไรเกี่ยวกับสุขภาพของคุณ

หลายครั้งที่เราได้รับการตรวจสุขภาพประจำปี และผลเลือดก็เป็นสิ่งที่แพทย์ให้ความสนใจเป็นพิเศษ หนึ่งในค่าที่ถูกนำมาพิจารณาคือ “ความเข้มข้นของเลือด” (Hemoglobin level) ซึ่งเป็นตัวชี้วัดสำคัญที่บ่งบอกถึงสุขภาพโดยรวมของเรา แต่ความเข้มข้นของเลือดคืออะไร ค่าปกติอยู่ที่เท่าไร และค่าที่ผิดปกติบ่งบอกถึงอะไรบ้าง?

ความเข้มข้นของเลือด คือปริมาณของฮีโมโกลบิน (Hemoglobin) ในเลือด ฮีโมโกลบินเป็นโปรตีนที่อยู่ในเม็ดเลือดแดง มีหน้าที่สำคัญในการนำพาออกซิเจนจากปอดไปยังส่วนต่างๆ ของร่างกาย และนำคาร์บอนไดออกไซด์จากส่วนต่างๆ ของร่างกายกลับไปยังปอดเพื่อขับออก การวัดความเข้มข้นของเลือดจึงเป็นตัวบ่งชี้ถึงความสามารถในการลำเลียงออกซิเจนของเลือดนั่นเอง

ค่าความเข้มข้นของเลือดปกติอยู่ที่เท่าไร?

โดยทั่วไปแล้ว ค่าความเข้มข้นของเลือดปกติจะอยู่ในช่วง 12-16 กรัมต่อเดซิลิตร (g/dL) แต่ช่วงนี้อาจแตกต่างกันเล็กน้อยขึ้นอยู่กับเพศ อายุ สภาพแวดล้อม และวิธีการตรวจของแต่ละห้องปฏิบัติการ โดยทั่วไปแล้ว:

  • ผู้ชาย: 13.5 – 17.5 g/dL
  • ผู้หญิง: 12.0 – 15.5 g/dL

นอกจากความเข้มข้นของเลือดแล้ว ฮีมาโทคริต (Hematocrit – HCT) ก็เป็นอีกค่าที่สำคัญ ฮีมาโทคริตคือสัดส่วนของเม็ดเลือดแดงต่อปริมาตรเลือดทั้งหมด แสดงผลเป็นเปอร์เซ็นต์ ค่าฮีมาโทคริตจะสัมพันธ์กับความเข้มข้นของเลือด และใช้ในการประเมินสุขภาพเบื้องต้นร่วมกัน

ความผิดปกติของความเข้มข้นของเลือดบ่งบอกถึงอะไร?

  • ความเข้มข้นของเลือดต่ำ (น้อยกว่าค่าปกติ): อาจบ่งชี้ถึงภาวะ โลหิตจาง (Anemia) ซึ่งเกิดจากสาเหตุต่างๆ เช่น การขาดธาตุเหล็ก, การเสียเลือด, โรคทางพันธุกรรม หรือภาวะไตวายเรื้อรัง อาการของภาวะโลหิตจางอาจรวมถึง อ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย หายใจถี่ ผิวซีด และเวียนศีรษะ

  • ความเข้มข้นของเลือดสูง (มากกว่าค่าปกติ): อาจบ่งชี้ถึงภาวะ เลือดข้น (Polycythemia) ซึ่งอาจเกิดจากภาวะขาดน้ำ, โรคปอดเรื้อรัง, การสูบบุหรี่, หรือโรคทางพันธุกรรมบางชนิด อาการของภาวะเลือดข้นอาจรวมถึง ปวดศีรษะ เวียนศีรษะ มองเห็นภาพซ้อน ผิวหนังแดง และหายใจลำบาก

ปัจจัยที่มีผลต่อความเข้มข้นของเลือด:

  • อายุ: ทารกแรกเกิดจะมีค่าความเข้มข้นของเลือดสูงกว่าผู้ใหญ่
  • เพศ: โดยทั่วไปผู้ชายจะมีค่าความเข้มข้นของเลือดสูงกว่าผู้หญิง
  • สภาพแวดล้อม: ผู้ที่อาศัยในพื้นที่สูง (เช่น บนภูเขา) อาจมีค่าความเข้มข้นของเลือดสูงกว่า เนื่องจากร่างกายปรับตัวให้เข้ากับปริมาณออกซิเจนที่น้อยลง
  • การตั้งครรภ์: ผู้หญิงตั้งครรภ์มักมีค่าความเข้มข้นของเลือดต่ำลง เนื่องจากปริมาณเลือดในร่างกายเพิ่มขึ้น

การดูแลสุขภาพเพื่อรักษาระดับความเข้มข้นของเลือดให้ปกติ:

  • รับประทานอาหารที่มีธาตุเหล็กสูง: เช่น เนื้อแดง ตับ ผักใบเขียวเข้ม และถั่ว
  • รับประทานอาหารที่มีวิตามินบี 12 และโฟเลต: เช่น เนื้อสัตว์ ไข่ นม และผักใบเขียว
  • ดื่มน้ำให้เพียงพอ: เพื่อป้องกันภาวะขาดน้ำ
  • งดสูบบุหรี่: เพื่อรักษาสุขภาพปอดและหลอดเลือด
  • ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ: เพื่อกระตุ้นการสร้างเม็ดเลือด

สิ่งสำคัญที่ต้องจำ:

ค่าความเข้มข้นของเลือดเป็นเพียงส่วนหนึ่งของการประเมินสุขภาพโดยรวม ควรปรึกษาแพทย์เพื่อวินิจฉัยและวางแผนการรักษาที่เหมาะสม หากผลเลือดของคุณมีความผิดปกติ ไม่ควรตัดสินใจด้วยตัวเอง และควรปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด

การตรวจสุขภาพเป็นประจำและการใส่ใจในสุขภาพของตนเอง จะช่วยให้เราทราบถึงความผิดปกติของร่างกายตั้งแต่เนิ่นๆ และสามารถป้องกันหรือรักษาได้อย่างทันท่วงที เพื่อสุขภาพที่ดีและชีวิตที่ยืนยาว