ค่าน้ำตาลเท่าไรต้องฉีดอินซูลิน

9 การดู
ผู้ป่วยโรคเบาหวานชนิดที่ 1 ควรฉีดอินซูลินเมื่อค่าน้ำตาลในเลือดสูงเกิน 250 มิลลิกรัมต่อเดซิลิตร (มก./ดล.)
ข้อเสนอแนะ 0 การถูกใจ

ค่าน้ำตาลเท่าไรต้องฉีดอินซูลิน: คำแนะนำสำหรับผู้ป่วยโรคเบาหวานชนิดที่ 1

โรคเบาหวานชนิดที่ 1 เป็นภาวะที่ร่างกายไม่สามารถผลิตอินซูลินได้ ซึ่งอินซูลินเป็นฮอร์โมนที่จำเป็นต่อการนำน้ำตาลในเลือดเข้าสู่เซลล์ต่างๆ การขาดอินซูลินทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้นอย่างไม่สามารถควบคุมได้ ซึ่งอาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนที่คุกคามชีวิตได้

สำหรับผู้ป่วยโรคเบาหวานชนิดที่ 1 การฉีดอินซูลินเป็นส่วนสำคัญในการจัดการระดับน้ำตาลในเลือดและป้องกันภาวะแทรกซ้อน อย่างไรก็ตาม การตัดสินใจฉีดอินซูลินหรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับระดับน้ำตาลในเลือดในปัจจุบัน

ระดับน้ำตาลในเลือดที่ต้องฉีดอินซูลิน

โดยทั่วไปแล้ว ผู้ป่วยโรคเบาหวานชนิดที่ 1 ควรฉีดอินซูลินเมื่อระดับน้ำตาลในเลือดสูงเกิน 250 มิลลิกรัมต่อเดซิลิตร (มก./ดล.) นี่เป็นเกณฑ์ที่กำหนดโดยสมาคมโรคเบาหวานอเมริกัน (American Diabetes Association)

การรักษาระดับน้ำตาลในเลือดต่ำกว่า 250 มก./ดล. จะช่วยลดความเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อนต่างๆ เช่น ภาวะคีโตนในเลือดสูง ซึ่งเป็นภาวะรุนแรงที่เกิดจากการที่ร่างกายเผาผลาญไขมันแทนน้ำตาลเพื่อพลังงาน

การตรวจสอบระดับน้ำตาลในเลือด

ผู้ป่วยโรคเบาหวานชนิดที่ 1 ควรตรวจสอบระดับน้ำตาลในเลือดเป็นประจำเพื่อให้มั่นใจว่าอยู่ภายในช่วงเป้าหมาย การตรวจสอบระดับน้ำตาลในเลือดสามารถทำได้ด้วยเครื่องวัดระดับน้ำตาลในเลือดที่บ้าน

แนะนำให้ผู้ป่วยโรคเบาหวานชนิดที่ 1 ตรวจสอบระดับน้ำตาลในเลือดดังนี้

  • ก่อนและหลังมื้ออาหาร
  • ก่อนนอน
  • เมื่อตื่นนอนตอนกลางคืน
  • เมื่อรู้สึกว่าระดับน้ำตาลในเลือดสูงหรือต่ำ

การฉีดอินซูลิน

หากระดับน้ำตาลในเลือดสูงเกิน 250 มก./ดล. ผู้ป่วยโรคเบาหวานชนิดที่ 1 ควรฉีดอินซูลินทันที ปริมาณอินซูลินที่ต้องฉีดจะขึ้นอยู่กับระดับน้ำตาลในเลือดในปัจจุบัน น้ำหนักตัว และปัจจัยอื่นๆ

ผู้ป่วยโรคเบาหวานชนิดที่ 1 ควรปรึกษาแพทย์เพื่อกำหนดปริมาณอินซูลินที่เหมาะสม แพทย์จะให้คำแนะนำเฉพาะบุคคลเกี่ยวกับวิธีการฉีดอินซูลินอย่างถูกต้องและวิธีปรับปริมาณตามความต้องการ

วิธีหลีกเลี่ยงภาวะน้ำตาลในเลือดสูง

นอกจากการฉีดอินซูลินแล้ว ผู้ป่วยโรคเบาหวานชนิดที่ 1 ยังสามารถลดความเสี่ยงต่อภาวะน้ำตาลในเลือดสูงได้โดยการปฏิบัติตามคำแนะนำต่อไปนี้

  • ปฏิบัติตามแผนการรับประทานอาหารที่กำหนดโดยนักโภชนาการ
  • ออกกำลังกายเป็นประจำ
  • รับประทานยาเบาหวานตามที่แพทย์สั่ง
  • ตรวจสอบระดับน้ำตาลในเลือดตามคำแนะนำของแพทย์
  • ปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์เกี่ยวกับการดูแลตนเองโรคเบาหวาน