ค่าเกล็ดเลือดสูงอันตรายไหม

1 การดู

ภาวะเกล็ดเลือดสูงมักไม่แสดงอาการหากค่าไม่สูงมากนัก แต่หากเกิน 600,000 ตัวต่อไมโครลิตร อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดลิ่มเลือดอุดตัน ซึ่งอาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนร้ายแรง เช่น หัวใจวายหรือหลอดเลือดสมอง หากค่าเกิน 750,000 ตัว ควรรีบปรึกษาแพทย์เพื่อหาสาเหตุและรับการรักษาที่เหมาะสม

ข้อเสนอแนะ 0 การถูกใจ

เกล็ดเลือดสูง อันตรายแค่ไหน? รู้เท่าทันก่อนสายเกินแก้

เกล็ดเลือดเป็นส่วนประกอบสำคัญในกระบวนการแข็งตัวของเลือด ช่วยหยุดเลือดไหลเมื่อเกิดบาดแผล แต่การมีเกล็ดเลือดสูง หรือที่เรียกว่า ภาวะธรณิลเลือด (Thrombocytosis) ก็เป็นเรื่องที่ควรให้ความสำคัญ เพราะแม้จะไม่แสดงอาการในระยะเริ่มต้น แต่ก็แฝงอันตรายร้ายแรงที่ไม่ควรมองข้าม

หลายคนอาจเข้าใจผิดคิดว่าเกล็ดเลือดสูงหมายถึงเลือดแข็งตัวง่าย ซึ่งไม่ทั้งหมดเป็นเช่นนั้น ความอันตรายของภาวะเกล็ดเลือดสูงไม่ได้อยู่ที่การแข็งตัวง่ายในชีวิตประจำวัน แต่เป็นความเสี่ยงต่อการเกิดลิ่มเลือด (Thrombosis) นั่นเอง ลิ่มเลือดนี้สามารถอุดตันหลอดเลือดไปยังอวัยวะสำคัญต่างๆ เช่น หัวใจ สมอง ปอด ส่งผลให้เกิดภาวะแทรกซ้อนร้ายแรงได้

ระดับเกล็ดเลือดที่ถือว่าปกติจะอยู่ระหว่าง 150,000 – 450,000 ตัวต่อไมโครลิตร หากค่าเกล็ดเลือดสูงเกินกว่านี้ ความเสี่ยงต่อการเกิดลิ่มเลือดก็จะเพิ่มขึ้นตามไปด้วย อย่างไรก็ตาม การมีเกล็ดเลือดสูงเล็กน้อย อาจไม่แสดงอาการใดๆ และไม่จำเป็นต้องได้รับการรักษา แต่หากค่าเกล็ดเลือดสูงเกิน 600,000 ตัวต่อไมโครลิตร ความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะลิ่มเลือดอุดตันก็เพิ่มสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ อาจส่งผลให้เกิด

  • หัวใจวาย (Myocardial infarction): ลิ่มเลือดอุดตันหลอดเลือดหัวใจ ทำให้กล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด เสียหาย และอาจถึงแก่ชีวิตได้
  • หลอดเลือดสมองตีบ (Ischemic stroke): ลิ่มเลือดอุดตันหลอดเลือดสมอง ทำให้เซลล์สมองขาดเลือด เสียหาย ส่งผลให้เกิดอัมพาต พูดลำบาก หรือเสียชีวิตได้
  • ลิ่มเลือดอุดตันในปอด (Pulmonary embolism): ลิ่มเลือดไปอุดตันหลอดเลือดในปอด ทำให้หายใจลำบาก และอาจถึงแก่ชีวิตได้
  • ภาวะลิ่มเลือดอุดตันในหลอดเลือดดำลึก (Deep vein thrombosis): ลิ่มเลือดอุดตันในหลอดเลือดดำลึก มักพบที่ขา ทำให้ขาบวม ปวด และอาจเกิดภาวะลิ่มเลือดอุดตันในปอดตามมาได้

หากค่าเกล็ดเลือดสูงเกิน 750,000 ตัวต่อไมโครลิตร ถือว่าเป็นภาวะเกล็ดเลือดสูงอย่างรุนแรง จำเป็นต้องรีบปรึกษาแพทย์โดยทันที เพื่อหาสาเหตุของภาวะเกล็ดเลือดสูง ซึ่งอาจเกิดจากหลายปัจจัย เช่น โรคมะเร็ง โรคตับอักเสบ โรคภูมิต้านตนเอง หรือการติดเชื้อ แพทย์จะทำการตรวจวินิจฉัยอย่างละเอียด และวางแผนการรักษาที่เหมาะสม ซึ่งอาจรวมถึงการใช้ยา การรักษาโรคพื้นฐาน หรือการผ่าตัด เพื่อลดระดับเกล็ดเลือดให้กลับเข้าสู่ภาวะปกติ และลดความเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อนต่างๆ

การตรวจสุขภาพเป็นประจำ และการสังเกตอาการผิดปกติของร่างกาย เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง เพื่อช่วยให้สามารถตรวจพบภาวะเกล็ดเลือดสูงได้ตั้งแต่เนิ่นๆ และได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที เพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้น อย่าละเลยสุขภาพ เพราะสุขภาพที่ดีคือสิ่งที่มีค่าที่สุด

หมายเหตุ: บทความนี้มีจุดประสงค์เพื่อให้ความรู้เบื้องต้นเท่านั้น ไม่ใช่คำแนะนำทางการแพทย์ หากมีข้อสงสัยหรือกังวลเกี่ยวกับสุขภาพ ควรปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์เสมอ