จะรู้ได้ยังไงว่าปอดอักเสบ

1 การดู

โรคปอดอักเสบเป็นการอักเสบบริเวณเนื้อเยื่อปอด เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย ไวรัส หรือเชื้อรา อาการที่พบบ่อย ได้แก่ หายใจเร็ว หอบเหนื่อย ไอแห้ง เจ็บหน้าอก มีเสมหะสีขาวหรือเหลือง

ข้อเสนอแนะ 0 การถูกใจ

รู้ได้อย่างไรว่าเป็นปอดอักเสบ? อย่ามองข้ามอาการเล็กๆน้อยๆ

โรคปอดอักเสบ (Pneumonia) เป็นโรคที่พบได้บ่อย เกิดจากการอักเสบของถุงลมในปอด โดยส่วนใหญ่เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย ไวรัส หรือเชื้อรา แม้ว่าอาการจะดูคล้ายโรคทางเดินหายใจทั่วไป แต่หากปล่อยไว้โดยไม่รักษาอาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนร้ายแรงได้ ดังนั้น การรู้จักสังเกตอาการและเข้ารับการตรวจรักษาอย่างทันท่วงทีจึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง

หลายคนอาจเข้าใจผิดว่าอาการปอดอักเสบจะรุนแรงเสมอ ความจริงแล้ว ความรุนแรงของโรคขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น ชนิดของเชื้อที่ก่อโรค สุขภาพโดยรวมของผู้ป่วย และอายุ บางรายอาจมีอาการเพียงเล็กน้อย ในขณะที่บางรายอาจมีอาการรุนแรงจนถึงขั้นเสียชีวิตได้

แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าเราเป็นปอดอักเสบ?

การวินิจฉัยโรคปอดอักเสบจำเป็นต้องอาศัยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ แต่เราสามารถสังเกตอาการเบื้องต้นได้ดังนี้ อย่างไรก็ตาม อาการเหล่านี้ไม่ได้หมายความว่าทุกคนที่มีอาการเหล่านี้จะเป็นปอดอักเสบ จำเป็นต้องได้รับการวินิจฉัยจากแพทย์เท่านั้น:

อาการที่พบบ่อย:

  • ไอ: อาจเป็นไอแห้งๆ หรือมีเสมหะปน เสมหะอาจมีสีขาว เหลือง เขียว หรือมีเลือดปน สีของเสมหะอาจบ่งบอกถึงชนิดของเชื้อที่ก่อโรคได้ แต่ไม่ใช่ตัวบ่งชี้ที่แน่นอน
  • หายใจลำบาก/หอบเหนื่อย: รู้สึกหายใจไม่เต็มปอด เหนื่อยง่าย โดยเฉพาะเวลาออกแรง
  • เจ็บหน้าอก: อาจเจ็บเวลาหายใจเข้าหรือไอ
  • ไข้สูงและหนาวสั่น: เป็นอาการที่พบได้บ่อยในปอดอักเสบจากเชื้อแบคทีเรีย
  • อ่อนเพลีย: รู้สึกเหนื่อยล้า ไม่มีเรี่ยวแรง
  • ปวดกล้ามเนื้อและข้อ: คล้ายอาการไข้หวัดใหญ่
  • มีเหงื่อออกมาก: โดยเฉพาะเวลากลางคืน
  • คลื่นไส้และอาเจียน: อาการนี้พบได้น้อยกว่าอาการอื่นๆ

อาการที่ควรระวังเป็นพิเศษ (อาจบ่งชี้ถึงภาวะปอดอักเสบรุนแรง):

  • หายใจเร็วมาก: หายใจเร็วกว่าปกติอย่างเห็นได้ชัด
  • สีผิวซีดหรือเขียวคล้ำ: แสดงถึงการขาดออกซิเจน
  • สับสนหรือมึนงง: อาจเกิดจากการขาดออกซิเจนไปเลี้ยงสมอง
  • หัวใจเต้นเร็ว: เป็นการตอบสนองต่อการขาดออกซิเจน

หากคุณมีอาการเหล่านี้ ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อรับการตรวจวินิจฉัยและรักษาอย่างทันท่วงที แพทย์จะทำการตรวจร่างกาย ฟังเสียงปอด และอาจทำการตรวจเพิ่มเติม เช่น เอกซเรย์ทรวงอก เพื่อยืนยันการวินิจฉัย การรักษาจะขึ้นอยู่กับชนิดของเชื้อที่ก่อโรคและความรุนแรงของโรค อาจรวมถึงการใช้ยาปฏิชีวนะ ยาแก้ไอ หรือการรักษาแบบประคับประคองอื่นๆ

การป้องกันที่ดีที่สุดคือการดูแลสุขภาพให้แข็งแรง เช่น รับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ พักผ่อนให้เพียงพอ และหลีกเลี่ยงการสัมผัสกับผู้ป่วยที่มีอาการติดเชื้อทางเดินหายใจ การฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่และวัคซีนป้องกันปอดบวมก็เป็นอีกวิธีหนึ่งที่ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคปอดอักเสบได้เช่นกัน